วันรุ่งขึ้น
เนื่องจากได้รับข้อความจากเฉินหวั่นชิงเมื่อคืน แม้ว่ามีเรื่องที่จะทำ แต่เย่เทียนยังคงไปรับเฉินหวั่นชิงที่ตระกูลเฉินอย่างเชื่อฟัง
และใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการเดินทาง ทั้งสองคนมาถึงจัตุรัสหวาฝูช็อปปิ้งมอลล์อย่างราบรื่น ภายใต้การนำของเฉินหวั่นชิง ทั้งสองเดินเท้ามาถึงสถานที่ที่พวกเขาจัดงานแถลงข่าวเปิดตัว
ภายใต้ช่วงเวลาที่สร้างกระแสโดยไม่สนเรื่องเงินนี้ สื่อข่าวแทบจะทั้งเจียงหนัน แม้กระทั่งเมืองเจียงหวยต่างจับตาดูบริษัทแซ่เฉิน
แต่มาถึงปุ๊บ เย่เทียนและเฉินหวั่นชิงสองคนก็สัมผัสความผิดปกติได้ในบัดดล
ตรงจุดแถลงข่าวถูกผู้คนจำนวนมากล้อมเอาไว้ มีพนักงานของบริษัทแซ่เฉิน กลุ่มนักข่าวและสื่อต่างๆ กลุ่มนักธุรกิจ และมวลชนที่มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานแถลงข่าว ทั้งหมดมารวมตัวกัน
เสียงเอะอะโวยวายดังเข้ามา เฉินหวั่นชิงอุดหูด้วยสัญชาตญาณ คิ้วเรียวขมวดเป็นปมมองดูภาพอันดุดันโหมกระหน่ำตรงหน้านี้
เย่เทียนตาแหลม เขามองปราดเดียวก็เห็นผู้ช่วยของเฉินหวั่นชิง กู้กวนชี จึงถามด้วยสัญชาตญาณ
"กวนชี เกิดอะไรขึ้น?"
กู้กวนชีที่ยุ่งจนหัวหมุนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีได้ยินเสียงของเย่เทียนแล้วรีบวิ่งเข้ามา
"คุณชายเย่ ฉันเองก็ไม่แน่ใจค่ะ ตอนมาถึงนี่ก็พบว่ามีคนนอนอยู่บนพื้น เหมือนว่าจะเป็นผู้ทดลองที่บริษัทของเราเชิญมา ถูกพิษตอนทดลองเซรั่มปลูกผมของเรา!"
"โดนพิษ?!"
เฉินหวั่นชิงตกใจ เซรั่มตัวนี้ที่ได้รับการวิจัยเธอเคยใช้งานด้วยตัวเอง นอกจากจะไม่มีพิษแล้ว ยังได้ผลดีมากด้วย ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ทุ่มเงินสร้างกระแสอย่างบ้าคลั่งหรอก
แต่ทำไมตอนนี้ถึงมีคนโดนพิษล่ะ?
หรือว่าบริษัทแซ่เจิ้งแห่งเมืองเอกไม่เพียงแต่จ้างหลินไห่เฟิงสร้างข่าวปลอม แต่ยังเล่นตุกติกทำให้ขั้นตอนการผลิตเกิดข้อผิดพลาด?
นี่เป็นปัญหาใหญ่ เฉินหวั่นชิงไม่กล้าที่จะละเลย เธอรีบเดินเข้าไปทางฝูงชน
ในฐานะประธานบริหารของบริษัทเฉิน ภายใต้การสร้างกระแสอย่างบ้าคลั่งในช่วงนี้ มีคนรู้จักเฉินหวั่นชิงอยู่บ้าง
พอเห็นเธอปรากฏตัว กลุ่มนักข่าวก็ล้อมขึ้นไปทันที
"ประธานเฉิน เซรั่มปลูกผมของคุณมีปัญหา กัดกินหนังศีรษะจนสึกกร่อน คุณมีคำอธิบายอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ยคะ"
"ประธานเฉิน หรือว่าบริษัทของคุณผสมสารพิษลงในเซรั่มปลูกผมเพื่อเพิ่มผลกำไรเหรอครับ?”
ชั่วขณะนั้น นักข่าวทุกคนจ่อไมค์ไปที่เฉินหวั่นชิง
คิ้วเรียวของเฉินหวั่นชิงขมวดเป็นปม เธอตอบอย่างสุขุมใจเย็น "เรียนเพื่อนๆนักข่าวทุกท่าน ตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกท่านโปรดอย่าเพิ่งถามอะไรเลย ให้ฉันไปดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากันนะคะ!"
เย่เทียนที่ดูอยู่ด้านหลังลอบพยักหน้ากับตัวเอง ไม่ตื่นตระหนกแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน รักษาความสุขุมไว้ได้ สมกับเป็นภรรยาของฉันจริงๆ!
แน่นอนว่าเฉินหวั่นชิงไม่รู้เรื่องหรอกว่าเย่เทียนคิดอะไร เธอกวาดสายตามองไปที่กู้กวนชี
กู้กวนชีเข้าใจได้ในทันที เธอเรียกกลุ่มยามเข้ามากีดกันฝูงชนจนมีหนทางให้เดินในที่สุด
เย่เทียนไม่ได้พูดอะไร เขาเดินตามฝูงชนเข้าไป พอทอดสายตามองไปแล้วก็ต้องใจหายวาบ
เขาเห็นลุงวัยกลางคนคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่บนพื้น ผมร่วงกว่าครึ่งหัว มีท่าทีว่าหนังศีรษะจะเน่าด้วย แถมยังมีตุ่มหนองขึ้นมาสามสี่ตุ่ม ราวกับแผลไฟไหม้ติดเชื้อ ดูน่าขยะแขยงมาก
เฉินหวั่นรู้แน่ชัดแล้วว่าสถานการณ์ฉุกเฉินมาก จึงหันมองเย่เทียนอย่างขอความช่วยเหลือ
“ฉันขอดูหน่อย!”
เย่เทียนกำลังจะก้าวออกมา ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นกะทันหันจากฝูงชน
และก็เห็นชายหนุ่มในชุดสูทคนหนึ่งก้าวออกมาจากฝูงชน ก้าวฉับไวเข้ามาอยู่ตรงหน้าเฉินหวั่นชิง และยื่นมือออกมา “สวัสดีครับประธานเฉิน ผมคือ พานเหลียงผิงแห่งโรงยาฝูจือ”
“ พานเหลียงผิง? ฉันรู้จักเขา เขาคือหลานของปรมาจารย์การแพทย์แห่งประเทศ ท่านพาน!”
“ฉันก็พอรู้อยู่บ้าง พานเหลียงผิงคนนี้อายุไม่มาก แต่วิชาแพทย์เก่งกาจสุดๆ”
“เขาอยู่ทางเหนือไม่ใช่เหรอ มาเจียงหนันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“จะสนทำไมว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้มีเขาอยู่นี่น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินเสียงวิจารณ์ของทุกคน พานเหลียงผิงมีความยโสฉายอยู่บนใบหน้า สายตาจ้องเขม็งไปที่เฉินหวั่นชิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่