เย่เทียนไม่ได้รีบร้อนกลับบริษัทแซ่เฉิน แต่เปลี่ยนเส้นทางมาที่ตระกูลฉิน
คืนนี้ต้องเป็นค่ำคืนที่ไม่สงบอย่างแน่นอน ต้องมีการจัดการเพื่อตอบสนองบ้าง
ยังไงซะตระกูลฉินก็เป็นตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งแห่งเมืองเจียงหนัน เรื่องบางเรื่องให้พวกเขาออกหน้าจะง่ายขึ้นเยอะ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉินเจิ้งสั่งการไว้แต่แรกแล้วด้วยรึเปล่า คนรับใช้ที่เฝ้ายามอยู่หน้าประตูพอเห็นว่าเป็นเย่เทียนจึงไม่ได้ตรวจสอบอะไร และปล่อยเขาเข้าไปง่ายๆ
หลังจากบุกเข้ามาถึงห้องรับแขกตระกูลฉินแล้ว ฉินเจิ้งกำลังนั่งโยกเยกอยู่บนเก้าอี้โยกอันแสนสบาย ดื่มดำไปกับงิ้วที่เล่นอยู่ในวิทยุ
เมื่อเห็นเย่เทียนเดินเข้ามา ฉินเจิ้งรีบปิดวิทยุและทักทายอย่างเป็นกันเอง “คุณชายเย่ๆ มาๆๆ มานั่งตรงนี้”
“อื้ม”
เย่เทียนค่อนข้างชอบตาเฒ่าฉินเจิ้งคนนี้ จึงเดินเข้าไปนั่งลงข้างเขาอย่างไม่คิดมาก
“คุณชายเย่ จู่ๆคุณก็มาแบบนี้คงจะมีเรื่องอะไรสินะ”
ฉินเจิ้งพูดพลางลุกขึ้นชงชาให้เย่เทียนด้วยตัวเอง
ถ้าคนอื่นมาเห็นฉากนี้ต้องตกใจอย่างแน่นอน ในตระกูลฉินอันกว้างใหญ่นี้ ต่อให้เป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลฉินอย่างฉินโล่หยินก็ไม่ได้รับการปฏิบัติแบบนี้หรอก!
เย่เทียนไม่รู้ความหมายที่แฝงมาด้วยหรอก เขารับถ้วยชามาโดยไม่คิดมากและดื่มให้ชุ่มคอ
กำลังจะปริปาก เสียงเรียกแสนเกียจคร้านของฉินโล่หยินดังขัดมาจากชั้นบนเสียก่อน “คุณปู่ พูดอยู่กับใครคะ ที่บ้านมีแขกมาเหรอคะ?”
เย่เทียนมองไปตามเสียงก็ตาเป็นประกายขึ้นมาในบัดดล เขามองฉินโล่หยินด้วยรอยยิ้มบางๆ
เด็กสาวยังสวมชุดนอนชั้นบางอยู่ หุ่นอ้อนแอ้นเผยให้เห็นลางๆ ยั่วยวนสุดๆ!
ผมเธอก็ยุ่งเหยิงอย่างกับรังนก ต่างจากบุคลิกกุลสตรีในวันปกติโดยสิ้นเชิง
ใช้นิ้วเท้าคิดก็ยังรู้ว่าแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว แต่ฉินโล่หยินคงจะเพิ่งตื่น
ภาพที่หาดูได้ยากนี้ส่งผลให้สายตาเย่เทียนที่มองไปนั้นเป็นประกายอย่างอดไม่ได้ เขาคลี่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
“คุณปู่คะ ทำ ทำไมถึงไม่เตือนหนูหน่อยคะว่าเย่เทียนจะมา!”
ทว่าฉินโล่หยินไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนเย่เทียน พอเธอเห็นใบหน้าของเย่เทียนอย่างชัดเจนแล้วก็ร้องเสียงหลงด้วยสัญชาตญาณ และปิดหน้าหายไปจากทางบันไดอย่างทุลักทุเล
“จะเป็นอะไรไป เย่เทียนไม่ใช่คนนอกสักหน่อย”
ฉินเจิ้งตอบฉินโล่หยินด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม ก่อนจะหันไปยิ้มให้เย่เทียน “คุณชายเย่ โล่หยินแก่นแก้วอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก คุณอย่าถือสานะ”
“ไม่หรอกครับ”
เย่เทียนส่ายหัวและพูดตรงๆ “นายท่านฉิน จริงๆแล้วที่ผมมาวันนี้เพราะมีเรื่องอยากให้คุณช่วยครับ”
ฉินเจิ้งจิบชาหอมอย่างมีนัย และพูดอย่างแฝงความหมาย “เรื่องคืนนี้ที่หอวั่งไห่ใช่มั้ย”
“หืม?!”
เย่เทียนผงะ คิดไม่ถึงว่าฉินเจิ้งจะรู้จุดประสงค์ที่ตัวเองมา
“ใช่แล้วครับ”
แต่พอคิดดูอีกทีเย่เทียนก็เข้าใจ ขนาดพวกหลิวชิงที่ซ่อนตัวยังได้รับข่าว ฉินเจิ้งผู้เป็นถึงเจ้านายตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองเจียงหนันจะไม่ได้ข่าวได้ยังไง?
“คุณชายเย่ แม้ว่าตระกูลฉินของเราจะร่ำรวยจากศิลปะการต่อสู้ แต่ถ้าเทียบกับบรรดาคนที่หากินโดยเตรียมใจแขวนหัวไว้กับเข็มขัดแล้ว เกรงว่า…..”
เมื่อได้รับคำตอบแน่ชัดแล้ว ใบหน้าชราของฉินเจิ้งฉายแววลังเล
“นายท่านฉิน คุณเข้าใจผมผิดแล้วครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่