ตามที่คาดไว้ เมื่อเย่เทียนกลับมาที่ห้องวีไอพี บรรยากาศที่ตึงเครียดก็หายไป และผู้หญิงทั้งสามก็รวมตัวกันเพื่อพูดคุยกันอย่างมีความสุข
“สะ สะใภ้...”
เย่เทียนดีใจอยู่ลึกๆ หน้าด้านนั่งลงข้างๆ...
“เห้ยๆๆ สายตาไม่มีแววเลยสักนิด?”
ไม่รอให้เฉินหวั่นชิงเปิดปากพูด เซ่เจียกลับพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ “ไม่เห็นว่าพวกเรากำลังคุยหัวข้อผู้หญิงๆอยู่? นายผู้ชายแท้ๆทำไมถึงหน้าด้านกล้าเข้ามาล่ะ?”
“เห้ย?!” เย่เทียนประหม่า ได้สติเตรียมจะตอบโต้ แววตากลับเห็นเฉินหวั่นชิงที่เมื่อกี้ยิ้มบานราวกับดอกไม้ สีหน้าก็ดึงกลับลงมาอีกครั้ง
ไม่เพียงแต่เฉินหวั่นชิง แต่ยังมีฉินโล่หยินที่ควรจะอยู่ข้างเขา ก็ยังจ้องมองตัวเองด้วยความโกรธ
เมื่อเห็นท่าทีของความเกลียดชังและความโกรธของหญิงทั้งสาม เย่เทียนที่กำลังจะตอบโต้ก็รีบกลืนเข้าไปทันที รู้สึกน้อยใจเหมือนกับเด็กนักเรียนประถมที่กำลังถูกตำหนิอย่างนั้น ขยับร่างกายของเขาอย่างเชื่อฟังและนั่งอีกข้างหนึ่งของโต๊ะอย่างโกรธเคือง
แน่นอน ในใจของเย่เทียนเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ ฉินโล่หยินนี่ถึงกับทำได้ยังไง?
นี่ตัวเองเพิ่งจะออกไปครู่เดียว แม้แต่ความโกรธของเฉินหวั่นชิงก็หายไป กระทั่งฉินโล่หยินก็ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนกัน นี่มันเวอร์เกินไปหรือเปล่า?
“คุณหนูใหญ่! คุณหนูใหญ่! ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เวลานี้ ผู้จัดการของฉินโล่หยินถึงจะรีบมา คนยังไม่ทันเข้าไปในห้องวีไอพี เสียงเรียกก็เข้ามาก่อนแล้ว
ปัง!
วินาทีนั้น ผู้จัดการก็พา รปภ.ร่างใหญ่10คนมาเตะประตู พุ่งเข้ามากระวนกระวาย
ฉินโล่หยินพูดยังไงเธอก็เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉิน ตอนที่เขาเห็น พานเหลียงผิงและขี้เมาหลายคนกำลังมาหาฉินโล่หยิน ไหนเธอจะไม่รู้ว่ากำลังจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เธอตกใจมากจึงรีบไปแจ้งผู้จัดการ
ผู้จัดการยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ กระวนกระวายอยากจะรีบไป แต่พอมาคิดพานเหลียงผิงมีหลายคน ได้แต่ระงับความตื่นตระหนกไว้ จึงไปเรียก รปภ.ถึงจะเข้ามา
“ทำอะไรกัน? ใครให้พวกนายเข้ามา!”
ฉินโล่หยินคิ้วขมวดขึ้นทันที แสดงสีหน้าไม่พอใจ “ไม่เห็นเหรอว่าพวกเรามีแขกสำคัญที่นี่? ลุกลี้ลุกลนเหมือนอะไรกัน?!
“คุณ คุณหนูใหญ่ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”
พอเข้ามาห้องวีไอพี ผู้จัดการก็รีบถามอย่างตกใจ
เขาเป็นผู้จัดการของฉินโหลวเสมอมา ปกติเป็นบุคคลที่มีหูตากว้างขวาง ไหนจะไม่รู้สถานะเฉินหวั่นชิงทั้งสามคน แน่นอนเป็นแขกระดับสูง!
อยู่ในจินตนาการของเขา สถานการณ์ในห้องวีไอพีเดิมควรเป็นพวกพานเหลียงผิงดื่มเหล้าสร้างเรื่องถึงจะถูก แต่มาตอนนี้ พานเหลียงผิงและทุกคนกลับไม่เห็นเงา สถานการณ์ที่แตกต่างกันทำให้เขายังตั้งสติไม่ได้
“นายพูดไร้สาระอะไร?”
ฉินโล่หยินกวาดสายตามองเย่เทียนแล้วครุ่นคิด พูดอย่างเย็นชาว่า “ยังยืนเซ่ออะไรอยู่ตรงนี้? ฉันมานานแค่ไหนแล้ว? น้ำชาล่ะ? กับข้าวล่ะ?”
“มาเดี๋ยวนี้! มาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อเห็นว่าฉินโล่หยินดูเหมือนจะโกรธ ผู้จัดการไหนจะกล้าพูดสักคำ รีบนำ รปภ. ออกไปด้วยความเคารพ
ไม่ถึงสามนาที ผู้จัดการก็เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับบริกรสองสามคน และวางไวน์ชั้นดีและเสิร์ฟอาหารจานอร่อยไว้บนโต๊ะด้วยตนเอง
“คุณฉิน ประธานเฉิน คุณเย่ คุณเซ่ พวกท่านสี่คนค่อยๆทาน ต้องการอะไรเรียกใช้ผมได้เลย ผมจะรีบมาทันที”
พูดจบ ผู้จัดการก็เคารพแล้วค่อยๆถอยออกไป
เย่เทียนที่ถูกสามคนกีดกัน ในที่สุดก็หาเจอข้ออ้างที่น่าอับอายได้ ค่อยๆยัดอาหารเข้าปากอย่างเงียบๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่