“ท่านปู่หยูผมต้องขอขอบคุณสำหรับความหวังดีของคุณ แต่ผมไม่อาจรับคุณเป็นอาจารย์!”
ท่ามกลางความอจฉาของทุกคน เย่เทียนกลับส่ายหน้าเบาๆ ปฏิเสธข้อเสนอของหยูเกาหมิงโดยไม่ลังเล
“งั้นก็น่าเสียดายมาก คุณเป็นต้นกล้าดีๆที่หายาก”
“แต่ผมคิดว่าคุณก็อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธผมเลย แม้คุณยินดีกลับเมืองจินไปกับผม ก็ไม่แน่ว่าจะได้เป็นลูกศิษย์ของผม ”
หยูเกาหมิงได้ยินเช่นนั้น ก็ขมวดคิ้วเป็นปมทันที แต่ไม่ได้ขุ่นเคือง แค่ส่ายหน้าและถอนหายใจ
เห็นได้ชัดว่าแม้ไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุด เขาก็ยอมลดระดับเพื่อสิ่งที่รองลงมา เขาเชื่อว่าตราบใดที่เย่เทียนไม่ใช่คนโง่ ต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน
“ท่านปู่หยูแม้คุณยอมอ่อนข้อให้ แต่ผมเดาว่ายังมีอีกข้อหนึ่งที่คุณไม่เข้าใจ”
แต่เย่เทียนกลับส่ายหน้าไปมาพลางพูดเรียบๆ:“หวั่นชิงเป็นประธานบริษัทแซ่เฉิน และผมเป็นสามีถูกต้องตามกฎหมายของหวั่นชิง ถ้าผมไปเมืองจินกับคุณเพียงลำพัง งั้นผมก็ต้องอยู่คนละที่คนละทางกับหวั่นชิงนะสิ?”
“แต่ถ้าผมพาหวั่นชิงไปเมืองจินกับคุณด้วย งั้นก็ไม่ได้ดูแลบริษัทแซ่เฉินนะสิ?”
“แบบนี้นี่เอง ผมสะเพร่าเกินไปแล้ว”
หยูเกาหมิงชะงัก ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แต่ก็ไม่บังคับอีก
“งั้นโอเค! ผมไม่ฝืนใจคุณแล้ว แต่ถ้าคุณมีโอกาสไปเมืองจิน อย่าลืมแวะไปหาผมล่ะ เราสามารถพูดคุยกันเรื่องทักษะการแพทย์ได้ ”
ภายใต้การเตือนความจำของเฉินหวั่นชิง เขายังพอจำสถานการณ์ของตระกูลเฉินได้ ว่าเฉินหวั่นชิงยังมีลูกพี่ลูกน้องผู้ชายอีกคน
ตามปกติแล้วธุรกิจครอบครัวมักถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นให้ผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง เขาจึงคิดว่าเฉินหยัง ลูกพี่ลูกน้องของเฉินหวั่นชิงเป็นคนดูแลบริษัทแซ่เฉิน
หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถ้าเย่เทียนได้ไปพัฒนาที่เมืองจิน เฉินหวั่นชิงที่เป็นภรรยาก็เหมือนแต่งกับไก่ก็ตามไก่ แต่งกับสุนัขก็ตามสุนัข (แต่งงานแล้วต้องปรับตัวให้อยู่ให้ได้)
แต่เขาคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์ของตระกูลเฉินจะเป็นข้อยกเว้น คนที่ดูแลบริษัทแซ่เฉินในตอนนี้คือเฉินหวั่นชิง คิดๆแล้วเฉินหยังคงเป็นคนที่ไม่มีความสามารถอะไรนัก ไม่แปลกใจที่เย่เทียนไม่ยอมไปจากเจียงหนาน
ไม่ปิดบังท่านปู่หยูอีกสักประมาณ1เดือนผมต้องไปเมืองจินจริงๆนั่นแหละ เมื่อถึงตอนนั้นกลัวว่าคุณจะไม่ต้อนรับผมนะสิ!”
เย่เทียนคิดไปคิดมา การคบค้าสมาคมกับผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีนอย่างหยูเกาหมิงก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
“น่าเสียดาย!”
ว่านชิงเฟิงส่ายหน้าพลางถอนหายใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทว่าดวงตาสวยของเฉินหวั่นชิงมองเย่เทียนอย่างเป็นประกายไม่หยุดหย่อน แต่มันไม่ใช่เวลา เธอจึงทำได้เพียงอดทนไว้ไม่พูดอะไร
“ท่านปู่ว่าน จะว่าไปตอนนี้ผมมีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมสมาคมแพทย์แผนจีนแล้วงั้นเหรอ?”
เห็นบรรยากาศค่อนข้างอึดอัด เย่เทียนจึงยิ้มเบาๆแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
“ขนาดหัวหน้าหยูอยากรับเป็นศิษย์คุณยังปฏิเสธเลย คิดไม่ถึงว่าตอนนี้คุณยังอยากเข้าร่วมสมาคมแพทย์แผนจีน?”
ว่านชิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะดีใจ
เย่เทียนถูจมูกไปมาอย่างเหนียมอาย ยิ้มเจื่อนๆพลางพูด:“ท่านปู่ว่าน มันคนละเรื่องกัน นี่เป็นโอกาสที่ผมช่วงชิงมาเลยนะครับ! ”
“คุณนี่นะ! ไม่รู้จะพูดยังไงกับคุณจริงๆ”
“ไม่ต้องห่วง! จากที่เห็นคุณบนเวทีเมื่อครู่ คงไม่มีใครคัดค้านไม่ให้คุณแหกกฎเข้าร่วมสมาคมแพทย์แผนจีนหรอก! ”
ว่านชิงเฟิงส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
เย่เทียนได้ยินเช่นนั้น เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่