ยังไงก็เป็นโกดังร้าง แม้มีพื้นที่กว้างขวาง ด้านในไม่มีของอะไรมาก มันดูว่างเปล่าและรกร้างมากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ทางด้านประตูโกดัง มีชายต่างชาติผมสีบลอนด์ตาน้ำข้าวคนหนึ่ง กำลังถือปืนกลขนาดเล็กเดินลาดตระเวนไปมาอย่างเบื่อหน่าย
และบนพื้นที่เปิดโล่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขา มีเต็นท์นับสิบหลังวางระเกะระกะอยู่เต็มไปหมด มีคนจำนวน10กว่าคนนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันกลุ่มละ2-3คน
ข้างๆเต็นท์มีโต๊ะหนึ่งตัววางอยู่ และมีร่างคนสองคนนั่งตรงข้ามกัน
คนที่นั่งฝั่งซ้ายเป็นชายวัยกลางคนไว้ผมเปียทันสมัย รูปร่างผอม ผิวสีเข้ม
ส่วนคนฝั่งขวาปกปิดมิดชิดด้วยชุดคลุมสีดำ โผล่เห็นแค่หน้านิดหน่อยให้พอเดาได้ว่าเป็นผู้ชาย
“จอห์น จะว่าไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เราร่วมมือกันใช่ไหม?”
จู่ๆชายผมเปียพูดขึ้น พลางมองชายชุดคลุมสีดำตรงข้ามด้วยความความสนใจ
“หลี่เหวิน ผมรู้ว่าคุณกำลังกังวลเรื่องอะไร คุณไม่ต้องห่วง……”
“ครั้งนี้ค่านายหน้าหนามาก มีพอให้เราใช้ไปทั้งชาติ ผมไม่จำเป็นต้องแทงข้างหลังคุณ”
จอห์นที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมสีดำยิ้มมุมปากอย่างปลิ้นปล้อน น้ำเสียงของเขาทั้งแหบทั้งแห้ง เหมือนเสียงผีปีศาจก็ไม่ปาน ได้ยินแล้วขนลุกซู่
“หวังว่าจะเป็นอย่างที่คุณพูด ไม่เช่นนั้นผมไม่ถือถ้าต้องตายตกตามกันไปทั้งคู่!”
จอห์นพูดตรงๆแบบนี้ ผู้ชายที่ชื่อหลี่เหวินกลับไม่มีทีท่าว่าจะอึดอัดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมีท่าทีข่มขู่
“ผมยังไม่โง่ถึงขั้นนั้น ยังไงบุคคลเป้าหมายในครั้งนี้ เป็นถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้น่าเกรงขามของจีน!”
“แม้ผมมั่นใจว่าสังหารเขาได้ แต่ถ้าผมต้องการหนีหลังจากนั้น พึ่งแค่ตัวผมคนเดียวคงไม่ไหว ผมไม่โง่ถึงกับทำให้ตัวเองเดือดร้อนหรอก”
จอห์นยิ้มชั่วร้าย พยายามพูดเอาใจหลี่เหวิน
ปังๆ!
พอพูดถึงภารกิจนี้ หลี่เหวินก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที ขณะเขากำลังจะพูดอะไร ประตูโกดังก็ถูกเคาะเสียงดัง
เสียงเคาะประตูดังกังวานไปทั่วโกดังที่ว่างเปล่า ทำเอาคนที่อยู่ในโกดังพากันตื่นตัว แต่ละคนจับอาวุธข้างกายกันด้วยความประหม่า
หลี่เหวินก็คว้าปืนกลที่วางอยู่บนโต๊ะไว้แน่น พลางจดจ้องไปที่ประตูอย่างแน่วแน่
ส่วนทางด้านจอห์นหลังจากชะงักเล็กน้อย เขาก็หยิบกริชขนาด 3 นิ้วออกจากลำตัว ลุกขึ้นและค่อยๆถอยออกไป อาศัยเสื้อคลุมสีดำของเขาหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“ไปดูสิว่าใครเคาะประตู!”
หลี่เหวินรีบเดินไปข้างๆพวกเดียวกันที่เต็นท์ แล้วออกคำสั่งกับลูกน้องที่ลาดตระเวนอยู่หน้าประตู
น้องชายลาดตระเวนพยักหน้า รีบไปที่ประตูแล้วเปิดช่องว่างออกอย่างระมัดระวัง
“แกเป็นใคร? มาทำอะไรที่นี่?”
เห็นเพียงชาวจีนคนหนึ่งยืนยิ้มร่าอยู่หน้าประตู ทำเอาน้องเล็กขมวดคิ้วเป็นปมขึ้นมาทันที
ทว่าชาวจีนคนนี้ จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากเย่เทียน?
“ผม? ผมมาส่งอาหาร!”
เย่เทียนยิ้มกว้างเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตร เสแสร้งอย่างหน้าตาเฉย
“มาส่งอาหาร?”
น้องเล็กมองเย่เทียนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความระแวง แล้วพูดอย่างเหลืออด:“พวกเราไม่ได้สั่ง แกมาส่งผิดที่แล้ว!”
น้องเล็กพูดพลางจะปิดประตูโกดัง
“เดี๋ยวก่อน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่