ด้วยคำอธิบายของเฉิงหลง ในที่สุดเย่เทียนก็เข้าใจจุดประสงค์ของกิจกรรมในคืนนี้
หากพูดตรงๆ มันก็คือการที่ถังเหวินหลงอยากให้เขตทหารหลายเขตคัดเลือกคนออกมาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันทดสอบฝีมือของฟ้าร้อง และต้องการประเมินความสามารถผ่านการแข่งขันนี้
ส่วนประการที่สอง เขาอยากใช้วิธีนี้เป็นการผลักดันให้กับทุกเขตทหาร เพื่อจะส่งเสริมความก้าวหน้าของกันและกัน
แต่ไม่ว่าจะยังไง หลังจากทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางในครั้งนี้ผ่านเฉิงหลง เย่เทียนก็ค่อนข้างโล่งใจ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนเรามักจะกลัวในสิ่งที่ตนไม่รู้ไม่เข้าใจ และเย่เทียนซึ่งเป็นคนเกิดใหม่ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน!
หลังจากเหลือบมองจี้เยียนหรันกับหยุนเหมิงหยานที่ยังคงโต้เถียงกันอยู่ เย่เทียนทำได้เพียงส่ายหัวอย่างจนใจ จากนั้นหลับตาลงและฟังเพลงอย่างเงียบๆ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เย่เทียนที่กำลังพักสายตาอยู่ต้องถูกเฉิงหลงปลุกให้ตื่น และหลังจากลืมตาขึ้น เขาก็เห็นแสงจ้าที่ส่องสว่างจากด้านล่าง
เมื่อมองลงไปจากที่ไกล มันคือสำราญขนาดใหญ่!
ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกต้องคือ เรือยักษ์ในมหาสมุทรนั้นไม่ใช่เรือสำราญเลย แม้มันจะมีขนาดใหญ่ไม่แพ้กัน แต่ความพิเศษของมันคือยังมีลานจอดเครื่องบินได้หลายลำ และดวงตาที่เฉียบคมของเย่เทียนยังสามารถมองเห็นป้อมปืนใหญ่หลายจุดบนเรืออีกด้วย!
“นั่นคือที่ที่เรากำลังจะไปในคืนนี้ พวกเราเรียกมันว่าเรือสำราญกระบี่แหลม!”
เฉิงหลงชี้ไปที่เรือสำราญในทะเลและแนะนำให้กับเย่เทียนอย่างภาคภูมิใจ
“เรือสำราญกระบี่แหลม?”
แต่น่าเสียดายที่เย่เทียนพึมพำคำเดียวและไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
ในฐานะคนฉลาดคนหนึ่ง เขารู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรถาม และอะไรคือสิ่งที่ไม่ควรถาม
เมื่อเห็นสีหน้าไร้ความสนใจของเย่เทียน เฉิงหลงได้แต่กลืนคำพูดที่เตรียมไว้กลับไปอย่างน่าอึดอัดใจ
เพราะเขารู้จักเย่เทียนมาสักพักแล้ว ดังนั้นเขาจึงพอรู้สึกนิสัยของเย่เทียน
ถ้าหากเย่เทียนหลงใหลในชื่อเสียงจริงๆ เกรงว่าบริษัทแซ่เฉินคงเปลี่ยนชื่อเป็นแซ่เย่ไปนานแล้ว
ซึ่งทุกครั้งที่นึกถึงจุดนี้ ในใจที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานของเฉิงหลงก็รู้สึกหดหู่ คนที่ไม่มีความปรารถนาเลยสักนิด วันหนึ่งเขาจะก้าวข้ามมันไปได้หรือ?
ถ้าหากเย่เทียนคิดเหมือนเฉิงหลง เกรงว่าเขาคงตะโกนร้องทุกข์ไปนานแล้ว
แต่ใครว่าเขาไม่มีความปรารถนาเลยล่ะ? ลองให้สาวสวยหนึ่งร้อยคนแก้ผ้าแล้วขึ้นเตียงด้วยกันสิ! หรือลองเอาธนบัตรสักพันล้านเหรียญมาฟาดใส่เขาก็ได้!
ไม่ใช่ว่าเย่เทียนจะไม่มีความปรารถนาใดๆ เลย แต่จวบจนวันนี้ เขายังไม่พบกับสิ่งที่คู่ควรแก่ความปรารถนาของเขามากกว่า
หลังจากนั้น เฮลิคอปเตอร์ก็ค่อยๆ ลงจอดบนเรือยักษ์นั้น และกลุ่มคนของเย่เทียนก็เดินลงจากเครื่องบิน
ลมทะเลพัดเข้าใส่ใบหน้า ทำให้เส้นผมสีดำเงาทั้งหัวของเย่เทียนถูกพัดเสยไปด้านหลัง และมันก็ทำให้เย่เทียนต้องดึงคอปกเสื้อของเขาโดยไม่รู้ตัว
แม้อยู่บนเครื่องเขาจะไม่ได้ถามรายละเอียดมากมายกับเฉิงหลง แต่เมื่อไปถึงเรือยักษ์ลำนี้ ดวงตาสีเข้มของเขาก็ต้องเปล่งประกายเหมือนเด็กที่เกิดความรู้สึกอย่างรู้อยากเห็น
เพราะชาติก่อนเขาเป็นแค่ทหารรับจ้าง โดยส่วนใหญ่แล้วจะทำการสู้รบบนพื้นดิน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสยุทโธปกรณ์ทางน้ำในระยะประชิดขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงเกิดความอยากรู้อยากเห็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากเดินตามถังเหวินหลงเข้าไปในเรือยักษ์นั้น พวกเขาก็พบว่าด้านในมีคนรออยู่มากมายแล้ว แม้คนส่วนใหญ่จะสวมชุดธรรมดา แต่ออร่าในตัวที่พวกเขาเปล่งออกมานั้นดูก็รู้ว่าเป็นกลุ่มคนจากกองทัพ
“เสี่ยวเย่ ผมขอไปทักทายกับเพื่อนเก่าหน่อยนะ คุณตามเยียนหรันไปเดินดูก่อนก็ได้!”
หลังจากถังเหวินหลงทักเย่เทียนเสร็จ เขาก็พาลู่เกาเจี๋ยเดินเข้าไปยังจุดที่มีคนเยอะที่สุด
และหลังจากที่เขาเดินจากไป ต่งเหวินกับหยุนเหมิงหยาน แม้กระทั่งเฉิงหลงก็เดินจากไปทันที
เพราะสำหรับงานเลี้ยงแบบนี้ ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์อะไร คนที่มาร่วมงานล้วนจะไม่ปล่อยโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์อยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่