“แล้วไอ้หมอนั่นมันอยู่ค่ายไหน? ทำไมมันใจกล้าขนาดนี้!”
“ถึงกล้ามาแย่งแฟนของเซวหมานจื่อ สงสัยเบื่อโลกแล้วสิท่า?”
“เป็นลูกวัวแรกเกิดที่ไม่กลัวแม้แต่เสือจริงๆ!”
หลังจากเข้าใจว่าเย่เทียนเป็นคนที่ตามจีบหยุนเหมิงหยาน ทุกคนก็ยิ่งตะลึงงันเข้าไปใหญ่
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นการรบกวนเย่เทียนกับหยุนเหมิงหยานที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ทั้งสองยังคงสู้กันอย่างดุเดือด
แน่นอนว่าทั้งสองไม่ได้เลือกใช้กำลังภายในใดๆ แต่ใช้เพียงการต่อสู้ในระยะประชิดตัวล้วนๆ
ที่สำคัญ ตั้งแต่เริ่มต้น เย่เทียนยังไม่ได้เลือกที่จะโต้ตอบเธอเลย เพียงแค่ป้องกันและหลบการโจมตีของเธอเท่านั้น
“นี่คุณกำลังดูถูกฉันอยู่เหรอ?”
กลับเป็นหยุนเหมิงหยานที่รู้สึกหัวร้อนมากขึ้น เพราะทุกการหลบหลีกการโจมตีของเย่เทียน มันจะเป็นการดูถูกเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความตั้งใจตั้งแต่แรกที่เธออยากรู้เพียงแค่ฝีมือของเย่เทียนนั้นได้หมดไปนานแล้ว แต่มันกลับแทนที่ด้วยความโกรธ ในตอนนี้ เธออดไม่ได้ที่จะจัดการเย่เทียนให้สาแก่ใจ!
ภายใต้ความรู้สึกแบบนี้ การโจมตีของหยุนเหมิงหยานก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ด้วยหุ่นอันบอบบางแต่ระเบิดพลังอันน่าทึ่ง และร่างของเธอก็พุ่งเข้าหาเย่เทียนราวกับสายฟ้า
“หือ?!”
เย่เทียนสุดจะทนแล้ว ในที่สุดเขาก็หยุดหลบเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่าย ซึ่งดูเหมือนจะช้า แต่ที่จริงแล้วเขายื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากการต่อสู้มาสักพัก เขาก็เข้าใจถึงความสามารถโดยรวมของหยุนเหมิงหยานแล้ว และเขาสามารถรับประกันได้ว่าหมัดนี้จะทำให้หยุนเหมิงหยานรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย และจะไม่ถึงกับสาหัส
ซึ่งทุกคนในงานไม่ใช่นักสู้กระจอกข้างทาง แล้วพวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าการโจมตีถัดไปของทั้งคู่เป็นการตัดสินผู้แพ้ผู้ชนะ ดังนั้นทุกคนถึงกับกลั้นหายใจเพื่อรอดูว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในครั้งนี้!
แต่ในขณะที่หมัดของทั้งสองกำลังจะประสานเข้าหากัน เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชนโดยไม่มีการแจ้งเตือนก่อน!
ทุกคนเห็นแค่ภาพเลือนราง แต่หลังจากตั้งสติได้ พวกเขาก็พบว่าเงาร่างนั้นได้ยืนอยู่ระหว่างเย่เทียนกับหยุนเหมิงหยานด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแล้ว!
พุ้ม! พุ้ม!
เสียงหมัดปะทะกันดังขึ้นสองครั้งตามลำดับ แต่เป็นเงาร่างคนนั้นที่หมัดของทั้งสองได้อย่างง่ายดาย!
บรรยากาศตึงเครียดทันที ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่สามารถตามสถานการณ์ได้และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ
“เซวหมานจื่อ!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ในที่สุดเสียงอุทานก็ดังขึ้นจากฝูงชน และมันได้ปลุกทุกคนตื่นจากความตกใจ
เซวหมานจื่อไม่ได้เป็นผู้ชายที่หล่อเหลา แต่ใบหน้าอันแหลมคมของเขานั้นราวกับว่าถูกตัดด้วยใบมีด ดวงตาที่เหมือนพญาเสือคู่นั้นเฉียบคมดุจดาบ และยังเปล่งแสงผลิบานเป็นระยะๆ ซึ่งทำให้คนไม่กล้าสบตาเขาเลยด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือ เซวหมานจื่อคนนี้สูงเกือบสองเมตร ด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งดูแล้วเหมือนหมีดำที่แข็งแกร่งมาก!
เมื่อมองไปที่เซวหมานจื่อที่ยืนอยู่ตรงกลางและปรากฏตัวอย่างกะทันหันคนนี้ ในที่สุดจี้เยียนหรันก็เริ่มรู้สึกกังวลและแทบห้ามใจไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปห้าม
“อย่าไป!”
แต่เธอเพิ่งก้าวออกไปเพียงแค่สองก้าว เฉิงหลงที่ไม่รู้มาเมื่อไหร่ก็ได้ห้ามจี้เยียนหรันเอาไว้
“แต่ว่า......” จี้เยียนหรันพยายามจะอธิบาย
“ท่านถังก็อยากรู้เหมือนกันว่าเย่เทียนกับเซวหมานจื่อ ใครจะเก่งกว่า!”
เฉิงหลงยิ้มอย่างจำใจ และดวงตาคู่นั้นที่มองเซวหมานจื่อก็เต็มไปด้วยความกลัว
อย่ามองว่าเขาเป็นหัวหน้าหน่วยชางหลงเลย เพราะเขาก็เคยพ่ายให้กับเซวหมานจื่อมาแล้ว!
ซึ่งมันแตกต่างจากการต่อสู้กับเย่เทียน แม้ว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งเหมือนกัน แต่ในใจลึกๆ ของเฉิงหลงก็ยังมีความคิดที่จะไม่ยอมแพ้เย่เทียน
แต่สำหรับการต่อสู้กับเซวหมานจื่อนั้น เขาไม่กล้ามีความคิดที่จะไม่ยอมแพ้เลยด้วยซ้ำ เพราะเซวหมานจื่อคนนี้เป็นเหมือนไทแรนโนซอรัสในร่างมนุษย์ชัดๆ!
“หืม?!”
จี้เยียนหรันขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน แต่เธอจำเป็นต้องหยุดลงแล้วมองไปที่ใจกลางความสนใจของผู้คนด้วยความกังวล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่