การเดินทางไปวิลล่าฉินหยุนครั้งนี้นอกจากจะรู้จักปลาใหญ่ในแวดวงธุรกิจเมืองเจียงหวยหลายคนแล้ว ยังแทบจะได้ทั้งหยงฟากรุ๊ปมาไว้ในครอบครอง เย่เทียนค่อนข้างพอใจ
อย่างเดียวที่เสียดายคือจนกระทั่งเขาออกมาแล้ว เย่เทียนก็ไม่ได้เจอฉินโล่หยินอีก จึงไม่อาจคลายความสงสัยในใจได้ทันที
แต่เย่เทียนตัดสินใจกับตัวเองแล้วว่าว่างเมื่อไหร่ต้องไปคุยกับฉินเจิ้ง!
เนื่องจากนัดกินข้าวกับพวกฉาวจื้อเหาไว้ก่อนหน้าแล้ว เย่เทียนจึงปฏิเสธคำเชิญของเจิ้งเหวยหวาและขอให้เขาแค่ส่งตัวเองกลับไปที่เขตเมืองเท่านั้น
เห็นว่าจะห้าโมงแล้ว เย่เทียนไม่คิดจะพิรี้พิไร้อะไรกับเจิ้งเหวยหวา เขาขึ้นรถมาก็เก็บแรงพักสายตา
แม้ว่าเจิ้งเหวยหวามีสิ่งที่สงสัยในใจมากมาย แต่เขาไม่กล้ารบกวนเย่เทียน ยอมขับรถแต่โดยดี
แต่พวกเขาเพิ่งจะลงมาถึงตีนเขาของวิลล่าฉินหยุน ก็มีรถตู้คันหนึ่งพุ่งออกมากะทันหันจากทางสามแยก และชนมาที่รถเก๋งอย่างแรงด้วยกำลังเดินหน้าเต็มสูบ
“นายขับรถยังไงวะ?!”
เจิ้งเหวยหวาเห็นท่าแล้วอดตะโกนด่าไม่ได้ เขารีบหักพวงมาลัยเพื่อหลบ
ตู้ม!
ถึงแม้เจิ้งเหวยหวาจะมีปฏิกิริยาไม่ช้า แต่รถตู้พุ่งออกมากะทันหันเกินไป และมาด้วยความเร็วสูง สุดท้ายก็ชนเข้ากับด้านข้างส่วนหน้าของรถอย่างจัง
โชคดีที่เจิ้งเหวยหวาลงทุนหนาไปกับการแต่งรถ อย่าว่าแต่ไฟลุกควันขโมงเลย ไม่แม้แต่จะบุบด้วยซ้ำ
แต่ ภายใต้แรงกระแทกหนักขนาดนั้น รถเก๋งย่อมเสียสมดุล หมุนคว้างอยู่ที่เดิมหลายรอบกว่าจะหยุด
“เกิดอะไรขึ้น”
เย่เทียนที่นั่งข้างคนขับสั่นหัวมึนๆของตัวเอง ชั่วพริบตาเมื่อกี้เขาทันแค่ลืมตา ไม่มีเวลามีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรเลย
เขาตรวจสอบสภาพตัวเองคร่าวๆ พบว่าไม่เป็นอะไรมากแล้วถึงหันไปมองเจิ้งเหวยหวา
หน้าผากเจิ้งเหวยหวาบวมแดงเล็กน้อยและหมดสติไป คิดว่าเมื่อกี้คงกระแทกกับพวงมาลัย
“วันนี้ฉันไม่จบไม่สิ้นกับอุบัติเหตุรถยนต์แล้วสินะ”
เย่เทียนบ่นในใจ ก่อนจะเปิดประตูรถเดินลงไป
ขณะเดียวกัน รถตู้คันนั้นก็มีผู้ชายสวมเสื้อหนังรัดติ้วคนหนึ่งเดินลงมาเช่นกัน ดูจากสภาพส่ายหัวไปมาของเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่จากการกระแทกกันเมื่อกี้
ผู้ชายเสื้อหนังดูอายุอานามประมาณสี่สิบกว่า หน้าตาซื่อๆ เป็นประเภทที่ถ้าอยู่ในฝูงชนก็ไม่คิดจะหันไปมองอีกครั้ง
แต่เสื้อหนังที่รัดติ้วกันกล้ามเนื้อของเขาและมือด้านๆของเขาล้วนแต่บ่งบอกถึงความไม่ธรรมดา
“อะไรของคุณครับคุณลุง? ผ่านทางสามแยกแต่ไม่ลดความเร็วลง รีบไปเกิดใหม่เหรอ?”
เย่เทียนที่ลงรถมาขมวดคิ้วเป็นปม และตะคอกใส่ผู้ชายเสื้อหนังด้วยความไม่พอใจ
ผู้ชายเสื้อหนังส่ายหัวอีกครั้ง หลังจากได้สติขึ้นมาบ้างแล้วถึงเกาหลังหัวด้วยท่าทีซื่อๆ “น้องชาย นายชื่อเย่เทียนใช่มั้ย?”
นัยน์ตาเย่เทียนหรี่ลงเล็กน้อย สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “นายเป็นใคร?”
ในเมื่อผู้ชายเสื้อหนังถามแบบนี้ เกรงว่ารถชนเมื่อกี้ก็เกิดขึ้นโดยเจตนา เห็นได้ชัดว่าจงใจมาหาเขา
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ”
ผู้ชายเสื้อหนังคลี่ยิ้ม มือขวาล้วงไปที่หลังเอวด้วยความเร็วแสง และปล่อยลูกดอกเหมยฮวาออกมาสองดอก โดยเล็งตรงเข้าหน้าของเย่เทียน
“หืม?!”
เย่เทียนที่ระวังตัวไว้แต่แรกรีบควักเข้าไปในกระเป๋าและปล่อยบางอย่างออกไปสองชิ้นเช่นกัน
ติ๊งติ๊ง!
เสียงของแข็งกระทบกันดังกึกก้อง ลูกดอกเหมยฮวาเปลี่ยนทิศทันทีและกระเด็นไปด้านข้าง
“เหรียญ?”
เมื่อมองเห็นสิ่งที่ชนลูกดอกเหมยฮวากระเด็น สีหน้าผู้ชายเสื้อหนังก็เปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียดเช่นเดียวกัน
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด หยางหยงฟาเป็นคนส่งนายมาสินะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่