"ชุดแต่งงานนี้เรียกว่ารักมั่นตลอดชีวิต เป็นงานออกแบบและสร้างสรรค์โดยปรมาจารย์ต่างประเทศคนหนึ่ง ใช้เวลาตัดนานกว่าสองปีเต็ม หนึ่งเดียวในโลก!"
เมื่อเห็นว่ากะจิตกะใจของเฉินหวั่นชิงไปอยู่ที่ชุดแต่งงานหมด เจ๊หยกก็ยิ้มเฝื่อนๆและส่ายหัว “น่าเสียดายที่เพราะเหตุนี้ ราคาของชุดแต่งงานนี้จึงค่อนข้างแพง”
“ถ้าคุณชอบแนวนี้ เดี๋ยวฉันพาคุณไปดูตัวอื่นที่แบบคล้ายๆกันได้ค่ะ”
ไม่ใช่ว่าเจ๊หยกดูถูกคน แต่เธอไม่ได้เพิ่งเปิดร้านได้วันสองวัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้ามาจะโดนชุดแต่งงานนี้ดึงดูด แต่พอได้ยินราคาก็หยุดความคิดไว้แค่นี้
เนื่องจากเจอมาเยอะ เจ๊หยกจึงสรุปวิธีแนะนำง่ายๆออกมา
“ถ้าเช่าเท่าไหร่คะ?”
เฉินหวั่นชิงส่ายหัวเล็กน้อย ไม่ได้ยอมแพ้ซะทีเดียว
เย่เทียนส่ายหัวและยิ้มเล็กน้อย “ต้องขออภัยจริงๆค่ะ ชุดแต่งงานนี้ขายอย่างเดียว ไม่ปล่อยเช่า”
“แล้วถ้าขายล่ะครับ? ถ้าขายราคาเท่าไหร่”
จู่ๆเสียงเย่เทียนก็ดังขึ้นมา
“สองล้านแปดแสนแปดหมื่นแปดพันแปดร้อยแปดสิบแปด”
เจ๊หยกหันมองเย่เทียนตามสัญชาตญาณ สายตาคมกริบคู่นั้นพบว่าถึงแม้เย่เทียนจะใส่เสื้อผ้ามียี่ห้อ แต่ก็เป็นยี่ห้อทั่วไป จึงไม่ตั้งความหวังมาก
“หืม?!” คิ้วเรียวของเฉินหวั่นชิงขมวดทันที
ถึงแม้เงินแค่นี้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ แต่ใช้เงินเกือบสามล้านซื้อชุดแต่งงานที่ใส่แค่ครั้งเดียว เธอลังเลอยู่บ้าง
เจ๊หยกไม่แปลกใจกับท่าทีของเฉินหวั่นชิงแล้ว เธอเปลี่ยนเรื่องพูด “ในร้านฉันมีชุดแต่งงานที่แนวเดียวกับชุดนี้อยู่หลายชุดค่ะ เดี๋ยวฉันพาพวกคุณไปดู”
“ไม่จำเป็น”
ไม่รอให้เฉินหวั่นชิงตอบ เย่เทียนก็ชิงส่งเสียงขึ้นมาก่อน “พวกเราเอาชุดนี้แหละ”
“หืม?!”
คราวนี้เป็นตาเจ๊หยกอึ้ง เธอมองเย่เทียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะทอดสายตาไปที่เซ่อันด้วยความฉงน
ความจริงแล้ว เซ่อันก็ผงะไปเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะใจใหญ่ขนาดนี้
เขารู้ตื้นลึกหนาบางของเฉินหวั่นชิงดี แต่จะเสียเงินเกือบสามล้านเพื่อซื้อชุดแต่งงานที่ไม่มีประโยชน์อื่นใดจริงๆเหรอ?
“เย่เทียน ไม่ต้องก็ได้มั้ง?”
เฉินหวั่นชิงได้สติกลับมา และหันไปส่ายหัวให้เย่เทียน “ของแพงขนาดนี้ ฉันใส่ได้แค่ครั้งเดียวด้วย สิ้นเปลืองเกินไป”
“ไม่เป็นไร”
เย่เทียนยักไหล่ และพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกี้ผมกวาดสายตาดูคร่าวๆแล้ว ที่นี่มีแค่ชุดแต่งงานชุดนี้ที่พอคู่ควรกับคุณอยู่บ้าง”
เจ๊หยกได้ยินดังนั้นก็กลอกตามองบนทันที นี่ชุดแต่งงานราคาเกือบสามล้านเลยนะ พอคู่ควรอยู่บ้าง? เก๊กเกินไปรึเปล่า?
“ทั้งสองท่าน ลองคุยกันดูก่อนนะคะ”
คิดมาถึงตรงนี้ เจ๊หยกบอกกับเย่เทียนสองคนก่อนจะเดินไปอยู่ข้างๆเซ่อัน และลากเขาไปด้านข้างสองสามก้าวอย่างเงียบเชียบ
“เสี่ยวอัน สองคนนี้ที่นายพามาเป็นมายังไงเหรอ ผู้ชายคนนั้นคงไม่ได้หลอกขายฝันฉันใช่มั้ย?”
เจ๊หยกกดเสียงให้เบาลง และสอบถามกับเซ่อัน
“คนผู้ชายผมไม่รู้จริงๆ แต่….”
เซ่อันยิ้มอย่างอ่อนใจ “คนผู้หญิงเป็นประธานบริษัท ทรัพย์สินของเธออย่างน้อยๆก็หลักร้อยล้าน ถ้าเธอยอม ร้านของพี่ได้เปลี่ยนของดีประจำร้านแน่”
“ที่แท้ก็เป็นแมงดา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่