“ฉันเชื่อว่าด้วยประสบการณ์การทำธุรกิจมาหลายสิบปี ท่านคงจะไม่ถูกคนโง่เง่าเช่นนี้ข่มขู่ให้ตกใจกลัวได้ ฉันมีหลายเหตุผลที่น่าเชื่อว่ามีคนที่มีความสามารถยุยงท่านให้ทำเช่นนี้อย่างแน่นอนใช่ไหม?”
เย่เทียนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วจิบจากนั้นหันไปมองหลู่อี้และขณะเดียวกันก็ชี้นิ้วไปที่ตู้เคอหลินที่อยู่ด้านตรงข้าม
“แกว่าใครว่าโง่เง่า?”
ตู้เคอหลินโกรธจัดในทันทีพร้อมกับวางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะและมองไปที่เย่เทียนพร้อมกับหยั่งเชิงใช้วิธีนี้กดดันเย่เทียน
“ว่าใคร!”
น่าเสียดายที่เย่เทียนไม่แม้แต่จะมองเขาเลยด้วยซ้ำ ดวงตาสีเข้มยังคงจับจ้องไปที่หลู่อี้ น้ำเสียงที่เย็นชาทุ้มต่ำของเขาพูดวนซ้ำอีกรอบ
เมื่อมองไปที่ดวงตาสีเข้มที่ไร้ซึ่งอารมณ์ของเย่เทียน หลู่อี้ก็ตื่นตระหนกและพลั้งปากออกมา “เป็นคนของตระกูลคุณที่เมืองจิน....”
เมื่อคำพูดหลุดออกมา หลู่อี้ก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วและปิดปากแน่นอีกครั้ง
แต่ข้อมูลเล็กน้อยแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเย่เทียนแล้ว!
ตระกูลของตนที่เมืองจิน?!
ใบหน้าของเย่เทียนมืดมนในทันที เขาไม่ได้คาดคิดว่าญาติในสายเลือดของตัวเองจะเหี้ยมโหดขนาดนี้ ต้องการกำจัดให้สิ้นซาก
เขาไม่ได้สงสัยถึงความถูกต้องของข้อมูลเลยสักนิด หนึ่งคือสิ่งที่มาจากตระกูลเย่นั้นมีคุณสมบัติพอที่จะข่มขู่หลู่อี้ได้ สองคือหลู่อี้ได้โพล่งปากออกมาเอง!
ขนาดที่ว่าเย่เทียนสามารถคาดคะแนได้อย่างกล้าหาญเลยว่าคนที่โทรมาหาหลู่อี้จะต้องเป็นคนอายุน้อยของตระกูลเย่ เผลอๆอาจจะเป็นเย่ย่งเล่อก็เป็นได้
การคาดเดาของเขานั้นมีอ้างอิง เมื่อตอนงานครบรอบวันเกิดของเฉินชังไห่ เขาเองก็ได้ฉลองกับเย่ย่งเล่อและต่อมาก็ได้รับความช่วยเหลือจากคุณย่าในการคัดเลือกเข้าร่วมทีมสายฟ้าอีกด้วย
อาจเป็นไปได้ว่าเย่ย่งเล่อเป็นกังวลว่าคุณย่าจะพาเขากลับบ้านถึงได้ทำตัวน่ารังเกียจเช่นนี้!
แต่น่าเสียดาย เย่เทียนจะไปรู้ได้อย่างไรว่าหลู่อี้ถูกเหลียงเยว่หรูหลอก?
“เด็กเหลือขอ ขนาดคนในครอบครัวยังอยากให้นายเกิดเรื่องเลย ไหนลองบอกสิว่าการมีชีวิตอยู่จะไปมีความหมายอะไร?!”
ตู้เคอหลินไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อได้ยินว่าขนาดคนในตระกูลของเย่เทียนยังอยากจะจัดการเขา ตู้เคอหลินจึงได้หัวเราะดังลั่นในทันที
“เมื่อได้ยินนายพูด นายยังอยากจะฆ่าฉันอีกเหรอ?”
เย่เทียนกลับมารู้สึกตัวพร้อมกับมองไปที่ตู้เคอหลินด้วยใบหน้าที่ขี้เล่น
“เรื่องนี้ฉันเองก็ยังไม่ได้คิดไว้ชัดเจนหรอก ตู้เคอหลินส่ายหัวเบาๆพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “ต้องให้ฉันลองใช้ผู้หญิงของนายก่อนนะ หากเธอปฏิบัติรับใช้ฉันอย่างดี ไม่แน่ว่าฉันอาจปล่อยพวกนายไปก็ได้”
เมื่อเสียงของเขาสิ้นสุดลง โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น
“เด็กเหลือขอ อีกเดี๋ยวรอดูผู้หญิงของนายแสดงต่อหน้าฉันได้เลย!”
มุมปากของตู้เคอหลินขดรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมาในทันทีพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
เขาเห็นร่างของเย่เทียนปรากฏตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่บนชั้นสองจึงรีบสั่งให้คนที่อยู่ด้านล่างไปนำตัวเฉินหวั่นชิงที่อยู่ที่โรงแรมมา
“อะไรนะ?ที่โรงแรมไม่มีคนงั้นเหรอ?!”
แต่ในวินาทีถัดมา รอยยิ้มบนใบหน้าของตู้เคอหลินก็ค้างงันและตกตะลึงไปหมด
เขาได้ตรวจสอบโรงแรมที่เย่เทียนกับเฉินหวั่นชิงพักอยู่อย่างแน่ชัดแล้วว่าเฉินหวั่นชิงไม่ได้ตามมาด้วย งั้นก็ควรต้องอยู่ที่โรงแรมสิ?ทำไมถึงหาไม่เจอ?
หรือว่าเย่เทียนรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะลงมือกับเฉินหวั่นชิงจึงจัดการเตรียมให้เฉินหวั่นชิงออกไปก่อน?
“ไม่คิดเลยว่าเด็กเหลือขออย่างแกจะฉลาดเหมือนกัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่