สึบ สึบ!!
ด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ผางอานคางพุ่งเข้าหาเย่เทียนราวกับความเร็วสายฟ้า เสียงตัดผ่านอากาศดังขึ้น หมัดของเขาชกตรงเข้าไปที่เย่เทียนอย่างรุนแรง
“เอ็งไปตายซะ!”
ผางอานคางตวาดส่งเสียงดังและเห็นว่าหมัดของเขากำลังจะปะทะเข้ากับใบหน้าของเย่เทียน
จี้เยียนหรันที่อยู่ข้างหลังถึงกับใจหายใจคว่ำและอดใจไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาดังๆ “เย่เทียน ระวังด้วย!”
ความจริงแล้วเย่เทียนตั้งตัวได้ก่อนที่จี้เยียนหรันจะส่งเสียงเตือนเขาแล้ว เท้าของเขายังคงยืนนิ่ง ซึ่งทุกอย่างดูเหมือนจะเชื่องช้า แต่ในความเป็นจริงนั้น เขายกมือขึ้นอย่างรวดเร็วและเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว
พุ้ม!
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น หมัดของผางอานคางถูกเย่เทียนตั้งรับได้ด้วยฝ่ามือของเขา
“หา?!”
ผางอานคางเลิกคิ้วขึ้น เขาไม่คาดคิดเลยว่าเย่เทียนจะรับหมัดนี้ของเขาได้ เขาตื่นตระหนกทันที ในขณะที่ดึงกำปั้นกลับไป เขาก็ใช้เท้าเตะออกไปที่เย่เทียนอีกครั้ง
ซึ่งเย่เทียนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฝีมือของผางอานคางอยู่ในระดับเหลืองเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยกระบวนท่าอันหนักแน่นของเขา เชื่อว่าฝีมือของเขาคงจะดีที่สุดในระดับอย่างแน่นอน!
แต่น่าเสียดายที่เย่เทียนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเขา!
“คุณเก่งก็จริงนะ แต่ถ้าหัดถ่อมตัวบ้าง บางทีคุณอาจจะพัฒนาฝีมือไปถึงระดับดำก็ได้!”
เย่เทียนตักเตือนเขาอย่างไม่แยแส จากนั้นขยับเท้าเล็กน้อยและหลบหลีกการโจมตีของผางอานคางได้อย่างง่ายได้
ซึ่งคำพูดของเย่เทียนทำให้ผางอานคางรู้สึกโกรธมาก ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในกองทัพ แต่คงไม่ถึงขั้นที่จะให้เย่เทียนมาสั่งสอนเขาหรอก?
ผางอานคางโกรธจนสุดขีด คนที่มีจิตใจใฝ่สูงอย่าเขาจะยอมให้คนอื่นมาดูถูกแบบนี้ได้อย่างไร เขาจึงสัญญากับตัวเองว่าจะสั่งสอนเย่เทียนให้รู้แล้วรู้รอดไป
“เอ็งไม่มีสิทธิ์มาสอนข้าหรอก! รอข้าอัดเอ็งให้ร่วงก่อน จะคอยดูว่าเอ็งยังปากเก่งอีกไหม!”
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ผางอานคางก็ตวาดเสียงดังอีกครั้งและพุ่งเข้าใส่เย่เทียนโดยไม่ลังเล
“ผมว่านะ วิสัยทัศน์ของคุณแย่จริงๆ ถ้าคุณกล้าเข้ามาอีก ผมจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
เย่เทียนขมวดคิ้วแน่นๆ ซึ่งชุดที่เขาสวมใส่อยู่นั้นเขาเพิ่งซื้อได้ไม่นาน ถ้าเขาขยับมากเกินไปจนเสื้อฉีกขาดล่ะ จะทำยังไง?
“ไปตายซะ!”
แต่ผางอานคางไม่ปล่อยให้เย่เทียนมีเวลาคิดมากไปกว่านี้ เขาได้แต่พุ่งเข้าใส่เย่เทียนด้วยสีหน้าความโกรธ
พุ้ม!
เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง เย่เทียนยกมือป้องกันไว้ราวกับความเร็วสายฟ้า แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ถอยไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
“เป็นไง ไอ้หนู เห็นพลังของข้าแล้วใช่มั้ย!”
เป็นการโจมตีที่เห็นผล ผางอานคางภูมิใจมาก
“กบในกะลาจริงๆ ความสามารถแค่นี้ ไม่ได้อยู่ในสายตาผมหรอก!”
เย่เทียนส่ายหัวเบาๆ และดวงตาสีเข้มของเขาจ้องมองไปที่ผางอานคางอย่างเฉยเมย
เขาคิดว่าผางอานคางคนนี้แค่มารับเคราะห์ ดังนั้นต่อให้ผางอานคางยั่วยุครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังไม่ได้โกรธ
จนกระทั่งตอนนี้ ผางอานคางยังคงเย่อหยิ่งและยังไม่ยอมคน ฉะนั้นต่อให้เย่เทียนจะนิสัยแค่ไหนก็คงต้องโกรธอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ผางอานคางจะรู้ได้อย่างไรว่าเย่เทียนคิดอะไรอยู่ เขายังคงพูดอย่างได้ใจว่า “ฮ่า ๆ สมองเอ็งเสื่อมไปแล้วเหรอ? จะคอยดูว่าเดี๋ยวเอ็งจะคุกเข่าขอร้องข้ายังไง!”
เย่เทียนส่ายหัวตอบอย่างจนใจ “ในเมื่อคุณดื้อด้านแบบนี้ งั้นผมจะใช้พลังสักสิบเปอร์เซ็นต์ก็แล้วกันนะ แล้วคุณจะรู้ว่าฝีมือระหว่างเรามันต่างกันแค่ไหน!”
“พลังสิบเปอร์เซ็นต์?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่