ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 552

“พอ พอได้แล้ว! ขืนตบอีกผมตายแน่!”

หลังจากถูกเย่เทียนอัดจนน่วมไปหลายนาที ผางอานคางที่ไม่มีปัญหาสู้ก็จำต้องเลือกยอมแพ้

เมื่อเห็นว่าผางอานคางขอความเมตตา เย่เทียนที่ตั้งใจจะไม่ทำอะไรเขาให้มากไปกว่านี้ก็กระทืบไปอีกหนึ่งครั้งก่อนจะหยุดลง

เย่เทียนยืนอยู่ตรงหน้าผางอานคางแล้วมองดูเขาอย่างเหยียดหยามและยิ้มพูดว่า “เป็นไง? ยอมแล้วยัง?”

ผางอานคางรู้สึกเจ็บไปทั้งตัว เมื่อได้ยินคำนี้ของเย่เทียน เขาก็ได้แต่สาปแช่งในใจ

“ยอม! ผมยอมแล้วครับ! คุณเก่งที่สุด......”

แม้จะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็กลัวเย่เทียนจากใจจริง ดังนั้นจึงรีบตอบอย่างตะกุกตะกัก

“ในเมื่อคุณยอมแพ้จริงๆ คุณจะไม่ใช่แค่โกหกผมแล้วมาเอาเรื่องผมทีหลังนะ?”

เย่เทียนรู้สึกมีความสุขในใจ และมุมปากของเขาก็เกิดส่วนโค้งบางๆ ขึ้น

“เอาเรื่องคุณทีหลัง?”

เมื่อได้ยินคำนี้ เปลือกตาของผางอานคางก็กระตุกอย่างรุนแรง ครั้งนี้เขาขายหน้าจนไม่เป็นท่า แล้วถ้าไม่ให้เขาแก้แค้น เขาคงต้องเปลี่ยนนามสกุลแล้วไหม?!

แต่แน่นอนว่าเขาทำได้แค่คิดเท่านั้น เขาไม่สามารถแสดงออกแม้แต่บนสีหน้าเลยด้วยซ้ำ

“พี่ พี่เย่ครับ ผมจะไม่ทำครับ! ผมจะไม่ทำแน่นอนครับ!”

“ไม่รู้ยังไง” ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคำพูดของคุณเชื่อไม่ได้เลยนะ?!”

เย่เทียนเหลือบมองผางอานคางด้วยรอยยิ้มขำขัน แล้วเขาจะไม่รู้ได้ไงว่าผางอานคางคิดอะไรอยู่?

แต่ว่าเขาจะฆ่าผางอานคางต่อหน้าทุกคนไม่ได้ แม้เขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอม แต่เขาจำเป็นต้องหยุดเพียงเท่านี้

“พี่ พี่เย่ครับ ผมขอรับประกันด้วยเกียรติของผมเลยครับว่า ต่อไปผมจะไม่หาเรื่องคุณอีก!”

ผางอานคางตอบอย่างเร่งรีบ แต่ในใจยังเพิ่งอีกประโยคหนึ่งว่า กูจะไม่เอาเรื่องมึง แต่กูจะให้คนอื่นไปเอาเรื่องมึงเอง!

“คนอย่างคุณยังมีเกียรติอยู่เหรอ?”

เย่เทียนชำเลืองมองดูเขาอย่างเหยียดหยาม แต่ก็ไม่เสียเวลากับเขาอีก จึงส่ายหัวพูดต่อว่า “เอาล่ะ! คุณรีบไสหัวไปเถอะ! ต่อไปเจอหน้าผมทำตัวดีๆ ด้วยนะ ไม่อย่างนั้นผมจะอัดคุณให้เละอีก!”

หางตาของผางอานคางกระตุกแรงขึ้น แต่ชะตากรรมของตนที่ตกอยู่ในคนอื่นนั้นจะพูดอะไรได้อีก? เขาจึงรีบมุดหัวเข้าไปในรถจี๊ปทหารแล้วขับหนีไปทันที

หลังจากนั้นสักพัก ชายร่างใหญ่ที่แข็งกร้าวสองคนนั้นที่ถูกอัดจนสลบก็ได้สติขึ้นมา แต่ทั้งสองได้แต่เฝ้ามองผางอานคางที่หลบหนีไปอย่างทำอะไรไม่ได้

แล้วทั้งสองยังกล้าชักช้าได้อย่างไร พวกเขาจึงได้แต่ฝืนทนต่อความเจ็บปวดแล้วพยายามลุกขึ้นยืน จากนั้นมองเย่เทียนด้วยสายตาหวาดกลัวและหนีหายไปท่ามกลางผู้คน

“เดี๋ยวนะ เย่เทียน คุณไล่พวกเขาไปหมด แล้วใครจะมารับพวกเราล่ะ?!”

หลังจากที่ชายห้าวหาญทั้งสองหนีไป หยุนเหมิงหยานจึงจะนึกได้แล้วรีบเข้าไปคุยกับเย่เทียน

เย่เทียนก็ตกตะลึงเช่นกัน แต่ก็นึกในใจว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกพวกเขากลับมา

หยุนเหมิงหยานถึงกับจนใจ ทำได้เพียงสั่งเซวหมานจื่ออย่างไม่พอใจว่าให้เขาหาคนอื่นมารับแทน

จนกระทั่งตอนนี้ เย่เทียนถึงรู้ว่าเซวหมานจื่อเป็นชาวเมืองจิน เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาเขาอยู่ในเขตทหารเจียงหนันก็เพราะหยุนเหมิงหยาน!

หลังจากรอประมาณ 20 นาที ในที่สุดรถตู้คันหนึ่งก็ขับเข้ามาจอด และชายชราตัวเล็กอายุราวห้าสิบก็ลงจากที่นั่งคนขับ ด้วยหลังที่ค่อนข้างค่อมของเขา ทำให้ดูแล้วเหมือนชายชราธรรมดาคนหนึ่ง

ดวงตาสีเข้มของเย่เทียนเหลือบมองไปที่เขา แต่ก็จำต้องขมวดคิ้วอย่างไม่ตั้งใจ แม้ชายชราคนนี้จะดูธรรมดามาก แต่เย่เทียนก็สามารถสัมผัสถึงภัยอันตรายจากตัวเขาได้!

เซวหมานจื่อรีบเดินเข้าไปแล้วพูดด้วยความเคารพ “คุณอารอง ทำไมถึงมาเองเลยครับ?”

“นี่เอ็งไม่กลับบ้านนานแค่ไหนแล้ว? แล้วอาไม่มารับเองได้เหรอ?”

ชายชราที่ถูกเรียกว่าคุณอารองพยักหน้าเบาๆ และรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าชราของเขา “เหมิงหยาน ไอ้หมอนี่มันรังแกเธอไหม?”

“มีคุณอารองอยู่ทั้งคน แล้วเขาจะกล้ารังแกหนูได้ยังไงคะ!”

หยุนเหมิงหยานยิ้มอย่างอ่อนหวาน และเดินเข้าไปจับมือคุณอารองแล้วแนะนำว่า “คุณอารองคะ คนนี้เป็นเพื่อนสมัยเรียนของหนู ชื่อจี้เยียนหรันคะ”

แต่ไม่รู้ว่าด้วยความตั้งใจหรือไม่ เพราะหยุนเหมิงหยานไม่ได้เอ่ยถึงเย่เทียนเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่