ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 557

หลังเดินออกจากประตูบ้านตระกูลเซว เย่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นและมองดูท้องฟ้าสีครามจากมุมสี่สิบห้าองศาแล้วส่ายหัวอย่างจนใจ

เขาไม่ได้เป็นคนโง่ แล้วเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตระกูลเซวมีอคติอย่างไรต่อตระกูลเย่ ขืนอยู่ต่อไปก็มีแต่ความขัดแย้งที่มากขึ้น

“พี่เย่! พี่เย่!”

ในขณะที่เย่เทียนกำลังจะโบกแท็กซี่ เซวฟู่ยี่ก็วิ่งออกมาจากบ้าน

เย่เทียนหันมองไปแล้วถามอย่างประหลาดใจว่า “มีอะไรครับ?”

เซวฟู่ยี่ยิ้มอย่างสดใส “ตอนนี้พี่ชายผมกำลังถูกตำหนิอยู่ครับ แต่เขากลัวพี่จะไม่คุ้นเคยกับเมืองจิน ก็เลยให้ผมพาพี่ไปหาโรงแรมแถวนี้น่ะครับ”

เย่เทียนหัวเราะอย่างขำขันและถามอย่างติดตลกว่า “ยังไง? นี่คุณไม่กลัวพ่อคุณรู้แล้วจะเอาเรื่องคุณเหรอ?”

“พี่เย่ พี่อย่าไปถือสาพ่อผมเลยนะครับ”

เซวฟู่ยี่ส่ายหัวเบาๆ และพูดอย่างช่วยไม่ได้ “พ่อผมเป็นคนที่ไม่ยอมคนจริงๆ นะครับ เมื่อก่อนปู่ผมได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งมีข่าวซุบซิบกันว่าเป็นฝีมือของตระกูลเย่ พ่อผมจึงมีอคติต่อครอบครัวตระกูลเย่มาตลอด”

“แล้วคุณไม่มีอคติเหรอ?”

เย่เทียนครุ่นคิดแล้วพยักหน้า ซึ่งตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจเซวซิวเหวินแล้ว

“นั่นมันเรื่องของปีมะโว้แล้วนะครับ”

เซวฟู่ยี่ยักไหล่และตอบอย่างไม่แยแส “ประเด็นคือ แม้ในปีนั้น ครอบครัวตระกูลเซวของผมจะมีเรื่องกับตระกูลเย่จริงๆ แต่นั่นเป็นเพียงข่าวที่ลือเท่านั้น ไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่จะพิสูจน์ได้ว่าตระกูลเย่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของคุณปู่ผมจริงๆ ครับ”

ตระกูลเซวตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองอยู่แล้ว ทั้งสองจึงเดินไปคุยไป และไม่นานหลังจากนั้นก็ได้มาถึงโรงแรมใกล้เคียง

แม้จะเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว แต่เย่เทียนไม่ขออะไรมากนัก เพราะแค่พักไม่กี่วันเท่านั้น

สิ่งสำคัญคือ เย่เทียนล้วงข้อมูลได้หลายอย่างจากปากของเซวฟู่ยี่อย่างง่ายดาย

ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องความรักตลอดหลายปีของเซวหมานจื่อกับหยุนเหมิงหยาน เรื่องการวางแผนการแต่งงานของพวกเขา ยังมีเรื่องส่วนตัวของเซวหมานจื่อ การที่เขายังฉี่รดเตียงทั้งๆ ที่อายุสิบกว่าปีแล้ว ซึ่งเซวฟู่ยี่ได้เล่าให้เย่เทียนฟังทั้งหมด

“ไอ้กระทิงตัวนั้น เป็นวัยรุ่นแล้วยังฉี่รดเตียงอีกเหรอ?”

เย่เทียนบ่นพึมพำในใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นเครื่องมือที่พิเศษที่สุดในการเยาะเย้ยเซวหมานจื่อ แค่คิดก็ทำให้เย่เทียนอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว

หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการเช็คอินและชำระค่าธรรมเนียมการเข้าพักเรียบร้อย เซวฟู่ยี่ก็กล่าวลากับเย่เทียน

แต่จากนั้นเย่เทียนพักผ่อนได้เพียง 5 นาทีเท่านั้น เขาก็ได้รับสายโทรเข้าจากจี้เยียนหรัน โดยบอกว่าเธอกับหยุนเหมิงหยานรออยู่ที่ล็อบบี้ชั้นล่าง ให้เขาลงไปทานมื้อค่ำด้วยกัน

เย่เทียนแปลกใจมาก แต่เมื่อย้อนคิดแล้ว เขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

บางทีเซวซิวเหวินกำลังสั่งสอนเซวหมานจื่ออยู่ จึงทำให้จี้เยียนหรันไม่สะดวกอยู่ต่อ รวมไปถึงเธอเป็นห่วงเขาด้วย ถึงได้ชวนหยุนเหมิงหยานออกมาพร้อมกัน

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เย่เทียนก็รู้สึกอบอุ่นในใจ เขาจึงรีบลงชั้นล่างเพื่อไปพบกับสองสาว และหลังจากพูดคุยตกลงกันเสร็จ ทั้งสามก็ขับรถออกไปพร้อมกัน

ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสามก็ได้มาถึงห้างสรรพสินค้านิวซัน ในใจกลางเมืองจิน ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และครบวงจร

ห้างสรรพสินค้านิวซัน ครอบคลุมพื้นที่ 100,000 ตารางเมตร สูง 12 ชั้น ซึ่งแปดชั้นล่างจะเป็นศูนย์รวมจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ส่วนเหนือชั้นที่แปดคือร้านอาหาร ซึ่งจะสามารถเห็นได้ว่าบริษัทห้างสรรพสินค้านิวซันนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน

ช่วงยามเย็น ในขณะที่ท้องฟ้ากำลังจะเริ่มมืด แต่ผู้คนมากมายยังอยู่ในนี้ ซึ่งทำให้บรรยากาศครึกครื้นมาก หรือบอกได้ว่าที่นี่เป็นบ่อเงินบ่อทองของเจ้าของกิจการเลยก็ได้

แม้จุดประสงค์เดิมของการมาที่นี่คือทานมื้อค่ำ แต่ทันทีที่เข้าไปในห้าง หยุนเหมิงหยานก็ลากจี้เยียนหรันไปและเริ่มช้อปปิ้งตามร้านค้า

จี้เยียนหรันปล่อยวางความทุกข์ในใจ ราวกับว่าเธอได้ปลดปล่อยธรรมชาติของเธออย่างเต็มที่และเดินตามหยุนเหมิงหยานเข้าออกในร้านค้าต่างๆ อย่างตื่นเต้น

และนี่ก็ทำให้ดวงตาของเย่เทียนถึงกับกระตุกอย่างรุนแรง เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงในสายงานไหน หรืออายุเท่าไหร่ ทุกคนต่างก็ชอบการช้อปปิ้งกันหมด!

ไม่นานหลังจากนั้น เย่เทียนก็คิดว่าเขาไม่ควรสรุปเร็วเกินไป ซึ่งสายตาของหญิงสาวทั้งสองเฉียบคมมาก พวกเธอแค่กวาดสายตาไปที่ประตูร้านก็รู้แล้วว่าควรเข้าร้านไหน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่