“น้องชาย ฉันยอมรับว่าฝีมือของนายใช่ได้ แต่ยังไงนายก็ยอมแพ้ซะเถอะ!”
พอมั่นใจว่าเซียวหยุนไม่ได้เป็นอะไร เซียวเจี้ยนก็หันไปทางเย่เทียน แล้วพูดพร้อมส่ายหน้าว่า “ยังไงนายก็มีแค่คนเดียว จึงไม่มีทางที่จะชนะเราสองพี่น้องได้หรอก”
“ไม่! ยังไงก็มาสู้กันเถอะ ไม่อย่างนั้นคุณเองก็ไม่มีอะไรไปอธิบาย”
เย่เทียนยักไหล่ “ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าไม่สู้แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าสู้ได้รึเปล่า?”
พอเห็นทั้งสองที่กำลังสนทนากัน สีหน้าของทุกคนก็ดูประหลาดขึ้นมา นี่มันเป็นคู่ต่อสู้กันจริงๆ เหรอ? คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนรักกันด้วยซ้ำ!
“เป็นลูกผู้ชาย!”
เซียวเจี้ยนอดไม่ได้จนถึงกับพูดชมเย่เทียน แล้วพูดแนะนำไปว่า “ที่นายพูดมันก็ถูก ถ้าไม่สู้แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าสู้ได้รึเปล่า? แต่ว่าตรงนี้มันแคบไปนิด เราไปสู้กันข้างนอกดีมั้ย?”
“ได้!”
เย่เทียนตอบรับอย่างไม่ลังเล
ต่อให้ไม่พูดถึงเรื่องที่ทางเดินมันแคบ แค่การที่มีคนมากมายมามุงดูอยู่แบบนี้มันก็ทำให้เขาออกแรงได้ไม่เต็มที่แล้ว ถ้าพลั้งมือทำร้ายผิดคนไป มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เอาได้
“ทุกท่าน ตรงนี้ผมยังต้องทำมาหากิน พวกคุณไปสู้กันหลังร้านดีมั้ยคะ?”
ทันใดนั้น หลู่ซีซานที่หลบอยู่ด้านหลังผู้คนก็ได้เดินออกมา
“คนแซ่ลู่ คุณคงแอบดูเหตุการณ์อยู่ข้างหลังตั้งนานแล้วใช่มั้ย? เชื่อมั้ยว่าเดี๋ยวผมจะสั่งคนมาพังร้านนี้ให้ราบคาบเลย!”
หลู่ซีซานไม่ออกมายังดี พอออกมามันก็ทำให้เซวฟู่ยี่ไม่พอใจขึ้นมาทันที
“คุณชายรอง…..”
หลู่ซีซานขมวดคิ้วเล็กน้อย อยากที่จะอธิบาย
“ฟู่ยี่ ไม่ต้องไปโทษเถ้าแก่ลู่หรอก ยังไงวันนี้ผมก็สู้แน่!”
ไม่ทันที่เธอจะได้พูด เย่เทียนก็ได้พูดขัดด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“ไม่ใช่ เย่….”
เซวฟู่ยี่ตกใจ ไม่เข้าใจว่าเย่เทียนกำลังคิดอะไรกันแน่
ที่นี่เป็นร้านของหลู่ซีซาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย การเรียกพวกบอดี้การ์ดมาช่วยสักหน่อยมันจะไม่ดีกว่าเหรอ?
“เชื่อใจผม! ไปเป็นไรหรอก!”
ทำไมเย่เทียนจะไม่รู้ล่ะว่าเซวฟู่ยี่คิดอะไรอยู่ แล้วทำไมเขาถึงต้องกลัวพี่น้องตระกูลเซียวด้วยล่ะ?”
เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครแย้ง ภายใต้การนำทางของหลู่ซีซาน คนทั้งหมดก็พากันมาถึงลานกว้างที่อยู่หลังร้าน
แต่น่าเสียดาย ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่เย่เทียนคิดไว้ กลุ่มคนที่มุงดูได้ตามพวกเขาออกมาเหมือนกัน มาล้อมลานกว้างไว้เป็นวง รอคอยที่จะได้ดูอะไรสนุกๆ
“นี่น้องชาย เตรียมตัวเสร็จรึยัง?”
เซียวเจี้ยนก้าวมาข้างหน้าเล็กน้อย เซียวหยุนก็รีบตามขึ้นมา
“เอาเลย!”
เย่เทียนเม้มปาก การที่ได้สู้กับเซียวหยุนไปยกหนึ่ง มันก็ทำให้เขารู้สึกคอแห้ง และเผลอเลียริมฝีปากที่แห้งกรังอย่างช่วยไม่ได้ แทบจะทันทีที่เย่เทียนพูดจบ ออร่าของพี่น้องตระกูลเซียวก็ได้เปลี่ยนไป ทั้งๆ ที่เป็นคนสองคนแต่กลับรู้สึกว่าพวกเขาได้หลอมรวมเป็นหนึ่ง รู้สึกเหมือนมีกำแพงอากาศที่มองไม่เห็นได้เคลื่อนผ่านมาทางเย่เทียน
“ระดับดินงั้นเหรอ?!”
เย่เทียนรับรู้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของพี่น้องตระกูลเซียวทันที ราวกับการหายใจยังถูกจำกัดไปด้วย และเริ่มมีความรู้สึกว่าอยากยอมแพ้ขึ้นมาแล้ว
“ไม่สิ! ต้องเป็นระดับดำสองคนถึงจะถูก!”
เย่เทียนสัมผัสมันอย่างละเอียด แล้วสายตาที่มองไปยังพี่น้องตระกูลเซียวก็ระมัดระวังขึ้นมา
ทั้งๆ ที่เป็นระดับดำสองคน แต่ออร่ากลับผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนปลดปล่อยออร่าของความแข็งแกร่งระดับดินออกมา เทคนิคการรวมพลังที่ร้ายกาจแบบนี้ต้องออกมาจากสำนักที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน!
จนเย่เทียนมีเหตุผลมากพอที่ให้สงสัยว่า ไม่แน่พี่น้องตระกูลเซียวอาจจะเป็นคนของสำนักกุยอีก็ได้!
“พี่ชาย นายไม่มีทางชนะพวกเราได้หรอก ฉันแนะนำให้นายยอมแพ้ไปซะเถอะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่