“พะ แพ้แล้วเหรอ?”
ตู้เคอหลินหน้าตาหม่นหมองเหมือนกับศพ ช็อกไปนานหลายวิถึงตั้งสติได้ แล้วตวาดไปทางเซียวเจี้ยนที่ยังยืนอยู่ว่า “ทำไมถึงแพ้แล้วล่ะ? ยังยืนอยู่ไม่ใช่รึไง? สู้สิ! สู้ต่อไป!”
เดิมทีเขายังคิดว่าวันนี้ได้แก้แค้นเรื่องแขนที่หักแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะมีสรุปแบบนี้ เขาไม่อยากยอมรับมันเลย!
“คุณชายตู้ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง แพ้ก็คือแพ้ เกรงว่าเราจะไม่เหมาะที่จะเป็นบอดี้การ์ดของคุณจริงๆ”
เซียวเจี้ยนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น ยังไงก็ได้เคลื่อนไหวแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพี่น้องได้เจอกับผู้แข็งแกร่งระดับดิน ถึงแม้จะเป็นห่วงผู้คนที่มุงดูจนยังไม่ได้แสดงกระบวนท่าที่เว่อร์วังอะไรออกมา แต่การแพ้อย่างราบคาบแบบนี้ เกรงว่าใช้แล้วผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกันหรอกมั้ง?
พอเย่เทียนได้ยินแบบนั้น สายตาที่มองไปยังพี่น้องตระกูลเซียวก็ได้อ่อนลง ไม่ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตเหมือนตอนก่อนหน้าแล้ว
เขาไม่ได้โง่ จากสัญญาณที่เซียวเจี้ยนแสดงออกมา พวกเขาก็เป็นแค่บอดี้การ์ดที่ตู้เคอหลินเพิ่งเชิญมาเท่านั้น ความเป็นไปได้ที่จะมาจากสำนักกุยอีนั้นน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม ตู้เคอหลินก็ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ จึงได้พึมพำกับตัวเองอย่างเงียบๆ “ไม่! นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
เย่เทียนไม่มีทางปล่อยตู้เคอหลินไปอยู่แล้ว จึงได้ก้าวเท้าเดินไปหาเขา
พอเห็นเย่เทียนกำลังเดินเข้ามา พวกบอดี้การ์ดที่เหลือไม่กล้าอยู่ต่อ วิ่งหนีกระเจิงไปทันที ดูจากท่าทางนั้น คงอยากมีขาอีกสักสองข้างจะได้วิ่งเร็วยิ่งกว่านี้
ตู้เคอหลินดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว อยากที่จะหนี แต่เขากลับรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างมันไม่ยอมทำตาที่สั่ง ยืนสั่นอยู่ตรงนั้นไม่ยอมหยุด!
“ยะ เย่เทียน แกอย่าเข้ามานะ!”
ตู้เคอหลินกลืนน้ำลาย ร้องเรียกออกมาอย่างหวาดกลัว
เย่เทียนไม่สนหรอกว่าเขาจะเป็นยังไง เดินไปข้างหน้าแล้วยื่นมือไปคว้าคอของตู้เคอหลิน แล้วเหวี่ยงจนล้มลงกับพื้น
“โอ้ย!”
ตู้เคอหลินร้องโอดครวญออกมาทันที จากนั้นก็รู้สึกหน้ามืด หัวแนบไปบนพื้นอย่างแรง แล้วตะโกนอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน “แกจะฆ่าฉันไม่ได้นะ! ฉันมีเงิน! มีเงิน!”
แล้วเห็นตู้เคอหลินล้วงกระเป๋าตังค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างอัตโนมัติ “ในกระเป๋าตังค์ฉันมีบัตรอยู่สองใบ ใบหนึ่งมีหนึ่งล้าน ส่วนอีกใบมีสองล้าน ส่วนรหัสก็เป็นสามหกตัว…..”
พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น ก็ได้ผ่อนแรงของขาข้างที่เหยียบอยู่บนหน้าของตู้เคอหลิน โน้มตัวลงไปรับกระเป๋าตังค์มามุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ในใจของเย่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะอุทานว่า คนในเมืองจินนี้ช่างใจกว้างกันจริงๆ!
ถ้ารวมกับสามแสนที่ผางอานคางให้มา วันนี้เขาก็ได้เงินมาสามล้านสามแล้ว เงินนี่มันช่างหาง่ายจริงๆ!
“ใช้ได้ ใช้ได้! เห็นแก่ที่คุณรู้จักกาลเทศะ ผมจะไว้ชีวิตหมาๆ ของคุณแล้วกัน!”
เย่เทียนเอาบัตรสองใบในกระเป๋าตังค์ใส่เข้าไปในอกเสื้อ “ที่สำคัญ ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ผมเองก็ไม่อยากกลายเป็นคนที่ถูกตามล่าเพราะเศษสวะอย่างคุณหรอก!”
“ตะ ตอนนี้ฉันไปได้รึยัง?”
ถึงแม้ตอนนี้ตู้เคอหลินจะโมโห แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้ชีวิตของตนกำลังตกอยู่ในมือของอีกฝ่าย แล้วจะกลายเป็นแสดงความไม่พอใจออกมาได้ยังไง
“ไปเหรอ?”
เย่เทียนได้ยิ้มอย่างโหดเหี้ยมออกมาที่มุมปาก แล้วยกขาที่เหยียบตู้เคอหลินออก “ได้แน่นอน เพราะยังไงมันก็เป็นขาของคุณนี่นาจริงมั้ย?”
แกร็ก!
ตู้เคอหลินรู้สึกดีใจ จึงคิดที่จะลุกขึ้นทันที แต่ไม่ทันไร ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เเล่นมาจากขาขวา!
“ถึงผมจะบอกว่าคุณสามารถไปได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ไปอย่างสมบูรณ์สักหน่อย!”
เย่เทียนกระทืบขาขวาของตู้เคอหลินจนหักด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย พูดเตือนสติด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจว่า “กลับไปบอกพ่อของคุณ ทั้งแขนและขาของคุณถูกผมสกัดจุดเอาไว้ คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางรักษาได้อย่างแน่นอน!”
พูดจบ เย่เทียนก็ไม่อยากสนใจตู้เคอหลินที่ครวญครางไม่ยอมหยุด หมุนตัวแล้วเดินกลับไปหาพวกจี้เยียนหรัน และพาพวกเธอจากไป
เมื่อเกิดเรื่องที่เละเทะแบบนี้ขึ้น พวกจี้เยียนหรันก็ไม่อยากอยู่ต่อเหมือนกัน ไม่แม้แต่จะหันมองทุกคน แล้วเดินจากไปอย่างสบายใจ
ถึงแม้ตอนนี้จะเพิ่งสิบโมงกว่า แต่ทั้งสี่ก็ไม่มีอารมณ์ไปไหนต่อแล้ว เย่เทียนได้ปฏิเสธความตั้งใจของจี้เยียนหรันที่จะอยู่เป็นเพื่อนตนที่โรงแรม และยืนส่งทั้งสามด้วยสายตาอยู่ตรงหน้าโรงแรม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่