“ไอ้หนุ่มทั้งสองของบ้านตระกูลผาง พวกเอ็งพาคนเยอะแยะขนาดนี้มาสร้างปัญหากับคุณชายของเรา พวกเอ็งอยากเป็นศัตรูกับบ้านตระกูลเย่ของเรางั้นเหรอ?”
หลังจากกล่าวทักทายกับเย่เทียนสั้นๆเย่หลิงก็หันมองไปที่สองพี่น้องจากบ้านตระกูลผางด้วยความประหลาดใจ
“เขา เขาคือคนบ้านตระกูลเย่เหรอครับ?”
ผางอานคางเหยียดมือออกไปอย่างสั่นเทาแล้วชี้ไปที่เย่เทียนและพูดอย่างแปลกใจ “คุณอาเย่หลิงครับ คุณไม่ได้ล้อผมเล่นอยู่ใช่ไหมครับ?”
“ไอ้หนู เอ็งลองไปถามชาวบ้านก่อนไหม ว่าข้าเย่หลิงคนนี้เคยเอาครอบครัวตระกูลเย่มาล้อเล่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เย่หลิงฮึดฮัดไม่พอใจ “ถ้าเทียบรุ่นกัน คุณชายตระกูลเย่เป็นคุณชายใหญ่ของบ้านตระกูลเย่ของเรา และยังเป็นคนที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดของตระกูลเย่ของเราในอนาคต!”
“หือ!”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ เหล่าชายร่างกำยำที่สวมชุดโรงฝึกตระกูลผางที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างก็พากันสูดหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความตกใจ จากนั้นมองไปที่เย่เทียนอย่างประหลาดใจ
ต้องเข้าใจว่า แม้แต่ในเมืองจินที่มีพยัคฆ์ระห่ำมังกรผยองที่ซ่อนตัวอยู่นั้น ตระกูลเย่ยังเป็นตระกูลที่น่ากลัวอันดับต้นๆ ของเมืองนี้ได้ ซึ่งไม่ใช่ตระกูลที่เพิ่งเบียดเข้ามาอยู่ในระดับที่สองอย่างตระกูลผางจะสามารถเทียบได้
แต่ถ้าพวกเขายังคิดจะเล่นงานเย่เทียนผู้ซึ่งอาจเป็นผู้นำของตระกูลเย่ในอนาคต แล้วถ้าหากตระกูลเย่คิดจะเอาคืนบ้างล่ะ พวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือ?
ถ้าพวกเขาจะหาที่หลบภัยจากตระกูลผาง เกรงว่าถึงเวลานั้นตระกูลผางคงต้องพังพินาศไปด้วย
แม้แต่ลูกศิษย์ของโรงฝึกศิลปะการต่อสู้ตระกูลผางยังต้องเจอแบบนี้ แล้วนับประสาอะไรกับสองพี่น้องตระกูลผาง เมื่อนึกถึงผลลัพธ์ที่แสนน่ากลัวนี้ ผางอานคางได้แต่กลื่นน้ำลายแล้วมองไปที่เย่เทียนด้วยดวงตาที่เริ่มหวาดกลัว
ถ้าหากเขาเป็นต้นเหตุในการทำให้ตระกูลผางต้องพังพินาศ เขาก็จะเป็นคนบาปไปชั่วนิรันดร์ และผลลัพธ์เช่นนี้จะไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถทนรับได้อย่างแน่นอน!
แต่กลับเป็นผางติ้งกั๋วที่ยังคงสีหน้าเฉยเมย เพราะเขาคือสมาชิกของทีมมังกรฟ้า แต่ถึงอย่างนั้น แววตาคู่นั้นของเขาก็เผยให้เห็นถึงความกระสับกระส่ายภายในใจอย่างไม่ต้องสงสัย
“คุณอาเย่หลิง พวกเรา......”
ผางติ้งกั๋วที่ตั้งตัวได้ก็มองไปที่เย่เทียนอย่างซับซ้อนและเตรียมจะอธิบายกับเย่หลิง
“เอ็งไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก เพราะข้ารู้ว่าพวกเอ็งไม่รู้สถานะตัวตนที่แท้จริงของคุณชายเย่เทียน ข้าก็จะไม่กดดันพวกเอ็งด้วย”
ก่อนที่ผางติ้งกั๋วจะพูดอะไร เย่หลิงก็โบกมือแล้วพูดอย่างเฉยเมย “เอางี้ดีกว่า ถ้าพวกเอ็งยอมขอโทษคุณชายเย่เทียน วันนี้ข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ผางติ้งกั๋วไม่ได้ลังเลใดๆ เขาจึงรีบประสานมือสองข้าแล้วโค้งคำนับเย่เทียนและพูดอย่างเคารพ “คุณชายเย่เทียนครับ ขออภัยที่ล่วงเกินจริงๆ นะครับ โปรดคุณชายอภัยให้พวกเราเถอะครับ”
“ขอโทษครับ คุณชายเย่เทียน”
ทุกๆ คนจากตระกูลผางรวมไปถึงผางอานคางก็โค้งคำนับแสดงความขอโทษเย่เทียนเหมือนกับผางติ้งกั๋ว
“ไม่เป็นไร เราแค่ทะเลาะนิดหน่อย ผมไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นหรอก”
เย่เทียนยักไหล่แล้วโบกมือพูดว่า “เอาล่ะ พวกคุณมีธุระก็ไปทำก่อนเลย คนเยอะแยะมายืนอยู่ที่นี่จะรบกวนทางโรงแรมเขา!”
พี่น้องตระกูลผางและพรรคพวกก็ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ หลังจากกล่าวทักทายเย่หลิงอีกครั้งก็ออกจากโรงแรมไปกันหมด
“น้องชาย อย่าเพิ่งท้อนะ พี่จะหาวิธีจัดการไอ้หมอนั่นเอง!”
หลังออกจากโรงแรมไประยะหนึ่ง เมื่อเห็นสีหน้าอันหม่นมองของผางอานคางแล้ว ผางติ้งกั๋วก็ตบไหล่เขาเบาๆ
“พี่ พี่หยุดล้อผมได้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่