เมื่อลงจากรถและเข้ามาที่ต้นไม้ใหญ่ขวางถนนที่อยู่ไม่ไกล ดวงตาสีเข้มของเย่เทียนหรี่ลงเล็กน้อย และเขามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
จู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นในใจ เย่เทียนพึมพำในใจว่า “คงไม่ใช่กลอุบายของสองพี่น้องเย่ย่งเล่อนะ?”
แต่เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว เย่เทียนก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้
ท้ายที่สุดแล้ว จากความสนิทสนมที่คุณย่าตระกูลเย่แสดงให้เห็นนั้น ต่อให้พี่น้องเย่ย่งเล่ออยากทำอะไรเขา อย่างน้อยก็ต้องเกรงใจคุณย่าตระกูลเย่อยู่บ้าง
เพราะทุกวันนี้เมืองจินเต็มไปด้วยกฎอัยการศึก และถ้าหากเย่ย่งเล่อมีการเคลื่อนไหวที่ใหญ่ขนาดนี้ มันไม่มีทางซ่อนเรื่องนี้ไปจากคุณย่าตระกูลเย่ได้แน่นอน!
ในเมื่อยังคิดไม่ออก เย่เทียนจึงไม่อยากคิดให้มากกว่านี้ อะไรที่จะเกิดมันก็ต้องเกิด แล้วจะเสียเซลล์สมองไปทำไม?
“คุณชายเย่ บางทีมันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้นะครับ! ผมจะย้ายต้นไม้ออกตอนนี้เลยครับ!”
หยางซิงไห่ที่ลงมาก็สังเกตเห็นบริเวณโดยรอบด้วย เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาก็เดินเข้าไปและเตรียมย้ายต้นไม้ออกไป
บรึ้น บรึ้น!!
แต่ในขณะนั้น เสียงดังสนั่นขึ้นจากด้านบน ทั้งสองก็รีบเงยหน้าขึ้นมองและเห็นรถจักรยานยนต์วิบากหลายคันวิ่งลงมาจากภูเขาทั้งสองข้างพร้อมกับไฟหน้าพราวที่ส่องจนปวดตา
บรึ้น บรึ้น!!
ไม่นานหลังจากนั้น รถมอเตอร์ไซค์วิบากที่ขับลงมาจากทั้ง 2 ข้างของภูเขาก็กระโดดขึ้นไปบนถนนราวกับได้ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และยังได้ขวางทางเย่เทียนทั้งสองคนไว้จนไม่มีที่ให้ถอย
“พวกแกเป็นใคร?!”
ฉากนี้ทำให้หยางซิงไห่ตื่นตัวในทันที และก้าวออกมายืนอยู่ข้างหน้าเย่เทียนด้วยสัญชาตญาณของเขา
เย่เทียนที่สังเกตรายละเอียดนี้ก็พยักหน้าเบาๆ และรู้สึกผิดเล็กน้อยต่อหยางซิงไห่คนนี้ เพราะเขารู้สึกว่าลูกน้องคนนี้ไม่ได้เลี้ยงให้เสียข้าวสุกจริงๆ!
ไม่ว่าจะยังไง ชายนับสิบคนที่นั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์วิบากไม่ได้สนใจหยางซิงไห่เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากพวกเขาสวมหมวกกันน๊อคไว้บนศีรษะ จึงเผยให้เห็นถึงแววตาที่เย็นชาจากดวงตาของพวกเขาเท่านั้น
เย่เทียนรู้สึกเอะใจไม่น้อย และเขารู้ว่าคนเหล่านี้มาที่นี่เพราะเขาแน่นอน
แต่ที่ทำให้เขาไม่เข้าใจก็คือ เขาเพิ่งกลับมาที่เมืองจินเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แล้วใครกันแน่ที่รู้ทุกการเคลื่อนไหวของเขา แถมยังใช้โอกาสสำคัญแบบนี้ในการลงมืออีกด้วย?
เย่เทียนได้แต่คิดในใจแต่ไม่ได้แสดงออกบนใบหน้าของเขา แต่เมื่อมองไปที่หยางซิงไห่ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ เย่เทียนก็เกิดไอเดียที่น่าขำขันขึ้น
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เย่เทียนก็แสร้งแสดงสีหน้าความกลัว “ซิงไห่ นี่ผมเพิ่งกลับมานะ พวกเขาไม่น่าจะมาหาผมด้วย หรือว่าคุณไปมีเรื่องกับใครในช่วงที่ผมไม่อยู่? หรือว่าพวกนี้เป็นศัตรูของคุณอยู่แล้ว?”
หยางซิงไห่ถึงกับตกใจ แต่ต้องยอมรับว่าเย่เทียนไม่ได้พูดผิด เขาเกรี้ยวกราดขึ้นทันทีและตวาดใส่ผู้คนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์วิบาก “ใครส่งพวกแกมา? เก่งจริงก็บอกชื่อมาเดี๋ยวนี้!”
บรึ้นนนน บรึ้นนนน!!
แต่กลุ่มมอเตอร์ไซค์วิบากไม่พูดอะไรเลย ได้แต่บิดคันเร่งจนทำให้เสียงดังสนั่นไปทั่วพร้อมกับท่าทีที่พร้อมจะพุ่งเข้ามาหาทั้งสอง
เย่เทียนที่เห็นเช่นนี้ก็ถอยออกไปอย่างไร้ศีลธรรมและแอบยิ้มในใจ อีกทั้งยังแสดงสีหน้าไม่เกี่ยวข้ออะไรกับเรื่องนี้ “ซิงไห่ ในเมื่อพวกมันมาหาคุณ งั้นผมไม่ขอยุ่งด้วยนะ คุณเล่นกับพวกมันตามสบายเลย!”
“หา?!”
หยางซิงไห่เหลือบมองเย่เทียนอย่างประหลาดใจและไม่คิดเลยว่าเย่เทียนจะเลือกที่จะยืนดูเท่านั้น เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน เย่เทียนไม่เคยกลัวพวกกุ๊ยอยู่แล้ว แล้วนับประสาอะไรกับฝีมือในตอนนี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่