ฉินเจิงหรงเห็นแบบนี้ การยั่วเย้าบนหน้ายิ่งเผยชัดเจน
“คุณปู่ ผมว่านะครับ เขากำลังหลอกลวงคนอื่น ถ้ามีความสามารถอยู่จริง ทำไมโดนผมว่าไม่กี่คำถึงไปแล้วล่ะ? นี่เห็นได้ชัดว่ากินปูนร้อนท้อง!”
ฉินเจิ้งถอนหายใจทีหนึ่ง มองหลานคนนี้ของตนเอง แล้วส่ายหน้าไม่เลิก “เจิงหรง แกผิดแล้ว นี่เขาไม่ใช่กินปูนร้อนท้อง แต่ว่าจิตใจหยิ่งยโส ไม่อยากถูกคนเข้าใจผิดแบบนี้!”
“ถ้าเป็นคนทั่วไปจริง จะรู้ได้ยังไงกันว่าเป็นเพราะฉันบำเพ็ญฌานด้วยวิธีที่ตกทอดมากจากตระกูลแล้ว ถึงทำให้อวัยวะภายในของตัวเองได้รับบาดเจ็บล่ะ?”
ฉินเจิงหรงตะลึงนิดหน่อย “หรือว่าเขาไม่ใช่คนต้มตุ๋น?”
“ย่อมไม่ใช่คนต้มตุ๋นแน่นอน แกนะ บุ่มบ่ามล่วงเกินคนอื่นเขาเกินไป หวังว่าพี่สาวแกจะโน้มน้าวเขากลับมาได้”
ฉินเจิ้งตอบกลับไปประโยคหนึ่ง ความจริงในใจค่อนข้างไม่ถือสาวิธีพูดของเย่เทียน
ที่เขาบำเพ็ญฌานคือวิธีที่ตกทอดของตระกูล บกพร่องอยู่หน่อยจริง จึงสร้างบาดแผลภายในให้เขาแล้ว
แต่คำพูดเย่เทียนเมื่อสักครู่ เขากลับไม่เชื่อ บาดเจ็บภายในเท่านั้น จะทำให้เขาตายได้อย่างไรกันล่ะ?
ในขณะเดียวกัน ฉินโล่หยินก็ตามเย่เทียนทัน ขวางเขาไว้แล้ว
“เย่เทียน คุณอย่าเพิ่งไป ฉันขอโทษคุณแทนน้องชายฉัน!”
เย่เทียนหยุดฝีเท้าลง มองทางเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะแล้ว “ไม่จำเป็นหรอก ฉันไม่ได้โกรธ!”
ฉินโล่หยินกลับไม่เชื่อ พูดอย่างค่อนข้างจำใจ “คุณอย่าน้อยใจขนาดนี้สิ น้องชายฉันนิสัยตรงไปตรงมาและพูดจาขวานผ่าซาก แต่ไหนแต่ไรพูดจาไม่ใช้สมอง ฉันเลี้ยงข้างคุณมื้อหนึ่ง ถือว่าเป็นการขอโทษยังไม่โอเคเหรอ?”
“ไม่ต้องจริงๆ”
เย่เทียนจำใจแล้ว สมัยนี้ พูดความจริงยังไม่มีใครเชื่อเลย
ฉินโล่หยินเห็นบนหน้าเขาไม่มีความโกรธอะไรจริงๆ ขณะเดียวกันในใจนิ่งสงบ อดกังวลขึ้นมาอยู่บ้างไม่ได้ จึงถามว่า “เย่เทียน เมื่อกี้ที่คุณพูดมา เป็นเรื่องจริงหรือว่าปลอม?”
“ย่อมเป็นเรื่องจริงแน่นอน โดยเฉพาะนี่ยังเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด! เธอกลับไปเกลี้ยกล่อมปู่เธอ ให้เขาล้มเลิกการบำเพ็ญฌานด้วยวิธีฝึกนี้เถอะ”
เย่เทียนบอกไป ความจริงในใจไม่ค่อยอยากพัวพันกับตระกูลฉินอีกแล้ว
เพราะเมื่อสักครู่ตอนที่ฉินเจิงหรงเอ่ยปากซักถามข้อสงสัยกับเขา นายท่านฉินก็ไม่ได้ห้ามปราม นี่อธิบายว่า ตัวฉินเจิ้งเอง ความจริงไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่เขาพูด
ในเมื่อไม่เชื่อกัน ทำไมเขาต้องเสียเวลามาทำเรื่องราวที่เหนื่อยเปล่านี้ด้วย?
“ร้ายแรงขนาดนี้จริงเหรอ? ความจริงฉันก็บำเพ็ญฌานด้วยวิธีการต่อสู้ที่ตกทอดจากตระกูลเหมือนกัน ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลย”
ในใจฉินโล่หยินยังไม่เชื่อคำพูดของเย่เทียนอยู่บ้าง
เย่เทียนยักไหล่ บอกว่า “ในเมื่อเธอไม่เชื่อ งั้นก็ช่างมันเถอะ!”
“อย่าสิ ฉันเชื่อคุณ งั้นคุณบอกมา มีวิธีอะไรสามารถแก้ไขได้ไหม?”
ฉินโล่หยินร้อนใจแล้ว รีบดึงแขนของเย่เทียนไว้
เย่เทียนขมวดคิ้วนิดหน่อย บอกว่า “ฉันเคยบอกแล้วไง นอกจากหยุดบำเพ็ญฌาน ไม่อย่างนั้นก็คือปรับปรุงวิธีฝึก”
หยุดบำเพ็ญฌาน? ปรับปรุงวิธีฝึก?
ฉินโล่หยินหัวเราะขมขื่นอยู่ในใจ ปู่ของเธอหลงใหลการต่อสู้มาโดยตลอด โดยเฉพาะกิจการขนาดใหญ่ของตระกูลฉิน คืออาศัยศิลปะการต่อสู้ที่ตกทอดของตระกูลสู้เอามา ปู่ของเธอไม่อาจหยุดได้
สำหรับการปรับปรุงวิธีฝึก นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
เพราะวิธีการต่อสู้ส่วนหนึ่ง จำเป็นต้องเป็นผู้ชนะการต่อสู้ ผนึกกับสิ่งที่เรียนมาทั้งชีวิต ถึงสร้างออกมาได้
การสร้างวิธีฝึกส่วนหนึ่ง ต้องสิ้นเปลืองสติปัญญาและกำลังจำนวนมาก บอกว่าแก้ก็แก้ได้เลยได้อย่างไรกัน?
จะว่าไป วิธีฝึกส่วนนี้ ใครสามารถแก้ได้?
ผู้แข็งแกร่งระดับดินหรือว่าผู้แข็งแกร่งระดับฟ้า?
ฉินโล่หยินลังเลครู่หนึ่ง ถามว่า “นอกจากพวกนี้แล้ว ยังมีทางเลือกที่สามอีกหรือเปล่า?”
เย่เทียนมองเธอท่าทางเป็นเดือดเป็นร้อนต่ออาการป่วยของปู่ตนเองจริงๆ รู้สึกเห็นใจขึ้นมา คิดดูแล้วหยิบกล่องไม้ออกมาจากอ้อมอก บอกว่า “ข้างในนี้มียาเม็ดหนึ่ง สามารถรักษาชีวิตปู่เธอได้ครั้งหนึ่ง เธอเอาไปเถอะ”
ยื่นกล่องเล็กให้เธอ เย่เทียนก็ไม่รอฉินโล่หยินตอบสนองกลับมา มุดเข้าในรถอย่างรวดเร็ว
ฉินโล่หยินมองเย่เทียนจากไป ในดวงตาซับซ้อนแล้วครู่หนึ่ง ในมือจับกล่องไม้นั้นไว้แน่น สัญชาตญาณบอกเธอ กล่องไม้นี้สามารถช่วยชีวิตปู่เธอได้ครั้งหนึ่งเป็นแน่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่