เสี้ยววินาทีที่เย่เทียนยืนขึ้น ชายหนุ่มตรงหน้าเขากลับเท้าเซ คุกเข่าลงไปโดยไม่มีวี่แววเตือน ส่วนหัวกระแทกกับที่วางแขนของเก้าอี้นวดอย่างแรง เลือดกำเดาสีแดงสดไหลออกมาในบัดดล เจ็บจนเขาหน้าเหยเก ร้องโหยหวน
“ไอ้เวรนี่บังอาจลอบทำร้ายฉัน ฉันจะฆ่านาย!”
ไม่นานนักคนผู้นั้นก็เอามืดปิดจมูกและยันตัวขึ้น ก่อนจะโบ้ยความผิดให้เย่เทียนโดยปริยาย
“เดี๋ยวๆๆ คนเราจะกินข้าวมั่วๆได้ แต่อย่าพูดอะไรมั่วๆนะ”
เย่เทียนเบ้ปาก พูดด้วยท่าทางใสซื่อ “ที่นี่มีคนจับตาดูอยู่มากมาย ฉันไม่ทันได้แตะตัวนายด้วยซ้ำ นายยืนไม่มั่นคงเองแท้ๆ!”
แต่ ชายผู้นั้นมั่นใจว่าเย่เทียนเป็นคนตุกติกแน่ๆ มิฉะนั้นทำไมอยู่ๆเขาถึงรู้สึกเจ็บหัวเข่าล่ะ? แล้วจะคุกเข่าด้วยสัญชาตญาณได้ยังไง ยิ่งไม่มีทางกระแทกกับที่วางแขนของเก้าอี้นวด!
“ไอ้เวรนี่ยังจะ…..”
คิดมาถึงนี่ ชายผู้นี้จะมัวเสียเวลาอยู่ได้ยังไง ระหว่างที่เขาคำรามเกรี้ยวกราดก็เงื้อกำปั้นจะต่อยเย่เทียน
แต่ในตอนนั้นเอง เซวฟู่ยี่กลับพุ่งเข้ามาอย่างแรง ขวางอยู่ระหว่างเย่เทียนและชายผู้นั้น พูดด้วยสีหน้าอึมครึม “ทำไม? นี่นายจะทำร้ายเพื่อนฉันต่อหน้าฉันเหรอ?”
ยังไงซะเซวฟู่ยี่ก็เป็นคุณชายตระกูลใหญ่อันดับต้นๆ แม้ว่าเติ้งเจี้ยนข่ายจะทัดเทียมเขา แต่ชายผู้นี้เป็นเพียงลูกสมุนที่ติดตามเติ้งเจี้ยนข่าย มีสิทธิ์อะไรล่วงเกินเซวฟู่ยี่?
บัดนี้ถูกเซวฟู่ยี่ขวางไว้ กำปั้นที่เงื้อขึ้ยสูงของผู้นั้นค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ ต่อยก็ไม่ได้ ไม่ต่อยก็ไม่ได้
“พอได้แล้ว สรุปว่าคุณชายเซวจะพนันไหม? เลิกเฉไฉเสียเวลาได้แล้ว!”
นาทีสำคัญนี้ เติ้งเจี้ยนข่ายเป็นคนก้าวออกมา ขณะเดียวกับที่คลี่คลายความกระอักกระอ่วนของลูกสมุน ก็เร่งเร้าเซวฟู่ยี่ด้วยหน้าตาหงุดหงิด
“พนันสิ ฉันพูดตอนไหนว่าไม่พนัน!”
เซวฟู่ยี่เบนสายตาออกจากลูกสมุนทันที และจดจ้องเติ้งเจี้ยนข่าย “นายจะพนันแบบไหน”
“เอาอย่างนี้คุณชายเซว นายอย่าหาว่าฉันใช้เงินรังแกนายเลย ฉันมีเหรียญตราทองคำขาว งบเดิมพันอยู่ที่สี่สิบล้าน หากชนะมันเป็นของนาย หากแพ้ ฉันไม่ต้องการเหรียญตราทองเหลืองอะไรของนายหรอก ขอเพียงนายควักออกมาสี่สิบล้าน และหลังจากนี้ไม่ว่าเจอฉันที่ไหนก็ต้องเข้ามาหาและเรียกฉันว่าพี่แต่โดยดี!”
เติ้งเจี้ยนข่ายหัวเราะเฮ่ะๆ ราวกับมั่นอกมั่นใจเหลือเกินกับการพนันครั้งนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าอาจจะแพ้
“สี่สิบล้านเหรอ?”
เซวฟู่ยี่ได้ฟังก็ใจเย็นขี้นมาในทันใด นึกอัปยศในใจ การพนันยิ่งใหญ่เมื่อครึ่งเดือนก่อนแทบจะผลาญค่าขนมของเขาไปหมดแล้ว กระทั่งของหลายเดือนต่อจากนั้นก็เสียไปหมดเลยด้วย บัดนี้ต่อให้เขาแคะออกจากทุกที่รวมๆแล้วก็แค่สองล้านกว่า
ต่อให้นับรวมสามสิบล้านที่เบิกจากเหรียญตราทองเหลืองก่อนได้ก็มีแค่สามสิบสองล้าน ขาดอีกเกือบแปดล้านแน่ะ!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่สามสิบล้านที่เบิกออกมาก่อนก็ใช้ได้แค่ในงานแข่งม้าเท่านั้น หากจะกลับต้องชำระให้เรียบร้อย ขืนไม่ทันระวังแล้วแพ้ จะให้อารองเซวมาช่วยชีวิตอีกหรือไง?
“จริงสิ คุณชายเซวก็น่าจะรู้ว่าเหรียญตราสมาชิกของงานแข่งม้ายิ่งที่มีน้อยยิ่งมีค่ามาแต่ไหนแต่ไร เหรียญตราที่ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น เหรียญตราทองคำขาวนี้ของฉันก็ลงแรงไปเยอะกว่าจะได้มา”
เติ้งเจี้ยนข่ายพยักหน้า พูดจาแดกดัน “การพนันในตอนนี้นายได้เปรียบกว่าเยอะนะ ถ้าแพ้ก็เสียแค่สี่สิบล้าน เชื่อว่าเงินแค่นี้คุณชายเซวคงไม่ถึงขั้นไม่มีให้หรอกมั้ง?”
“สมกับเป็นคุณชายเติ้ง ฉันคลุกคลีในงานแข่งม้านี้จะสองปีแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ระดับเงินขาวอันน่าสงสารอยู่เลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่