ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 683

“พี่เย่เดาไม่ผิด แท็บเล็ตพวกนี้ผ่านการปรับแต่งแบบพิเศษมา เหรียญตราที่งานแข่งม้ามอบให้มีชิปเล็กๆฝังอยู่ มีเพียงเสียบเหรียญตราเข้าไปเท่านั้นแท็บเล็ตถึงจะเปิดใช้ได้ตามปกติ”

เซวฟู่ยี่อธิบายให้เย่เทียนไปพลาง ก่อนจะหยิบเหรียญตราทองเหลืองที่เป็นของเขาเสียบเข้าไปตรงรูยุบของแท็บเล็ต

ติ๊ง!

เสียงใสกังวานดังขึ้น แท็บเล็ตในมือเซวฟู่ยี่กระตุ้นการใช้งาน

“พี่เย่ ด้วยความแตกต่างของเหรียญตรา งานแข่งม้าจะให้งบเดิมพันสูงสุดที่แตกต่างออกไป อย่างเหรียญตราทองเหลืองของผมลงเดิมพันได้สูงสุดสามสิบล้าน ส่วนเหรียญตราเพชรม่วงของพี่เหมือนจะเดิมพันได้สูงสุดห้าสิบล้าน!”

“หืม?!”

เย่เทียนเลียนแบบเซวฟู่ยี่ ลงมือกระตุ้นการใช้งานของแท็บเล็ตบ้าง หลังจากเห็นข้อความกำกับว่าเดิมพันได้สูงสุดห้าสิบล้านจริงๆ สีหน้าก็ลึกล้ำขึ้นมา

นับวันเขายิ่งไม่เข้าใจว่าหลู่ซีซานจะทำอะไร จะให้ของกันทีมาเป็นห้าสิบล้าน นี่เธอจะทำอะไรกันแน่?

“เอ๋?!”

นาทีต่อมา หลังเห็นข้อมูลบนแท็บเล็ตอย่างชัดเจนแล้ว เย่เทียนอึ้งจนอดร้องออกมาไม่ได้

ไม่มีเหตุผลอื่น บนแท็บเล็ตนี้มีการอธิบายม้าแต่ละตัวที่ร่วมแข่งอย่างละเอียด กระทั่งข้อมูลของนักขี่ก็มีครบทุกอย่าง สมกับเป็นสโมสรที่ให้บริการเศรษฐีร้อยล้าน ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ!

“โอ้ นี่มันคุณชายรองตระกูลเซวไม่ใช่เหรอ?!”

แต่ในตอนนั้นเอง มีคนไม่กี่คนเดินมาจากที่ไม่ไกล พวกนั้นยังไม่ทันเข้ามาใกล้ เจ้าคนที่นำอยู่ดันโหวกเหวกขึ้นมาเสียงดัง “ว่ายังไง? หรือครั้งก่อนยังแพ้ไม่เละพอ ครั้งนี้เลยมาให้เงินพวกเราอีกรอบเหรอ?”

ขณะที่พูด ตัวคนก็เดินมาถึงตรงหน้าพวกเย่เทียนสองคนในที่สุด

เขาคือชายหนุ่มทรงผมกวาดไปด้านหลัง คลุมเสื้อโค้ทสีดำ ทำท่าทำทางประหนึ่งว่าเป็นเซียนพนันอย่างพี่ฟาตอนหนุ่ม มือขวาเขาคีบซิการ์แท่งใหญ่ราคาแพง ส่วนอีกมือโอบสาวสวยวัยเยาว์ สีหน้าประหนึ่งตัวเองนั้นยิ่งใหญ่คับฟ้า แทบจะเชิดจมูกใส่ฟ้าอยู่แล้ว

เย่เทียนมีสีหน้างุนงง แต่หน้าตาของเซวฟู่ยี่กลับย่ำแย่ลง สองมือกำหมัดโดยไม่รู้ตัว เห็นได้เลยว่าเขาไม่ชอบผู้มาอย่างแรง

ไม่ว่ายังไงเมืองจินก็เป็นเมืองหลวงของประเทศ ถึงแม้ตระกูลเย่และตระกูลเซวจะผูกขาดความเป็นใหญ่ แต่ใครก็ตามที่พำนักอยู่ในเมืองจินแห่งนี้ มีใครธรรมดาบ้าง?

อีกอย่าง นอกจากอิทธิพลประจำถิ่นเมืองจินแล้ว ยังมีแบรนด์นานาชาติจำนวนหนึ่งเข้ามาปักหลักอยู่ในเมืองจินเช่นกัน ยิ่งใหญ่เกรียงไกรประหนึ่งมังกรดุดัน จนอิทธิพลท้องถิ่นไม่กล้าไปแหยมด้วย

ส่วนชายหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างหลัง ไม่ถึงขั้นที่ไม่เหลือทางถอย หนึ่งในบุคคลที่ต่อให้เป็นตระกูลเซวก็ไม่อยากขัดแย้งด้วย

สัมผัสได้ถึงท่าทีแปลกไปของเซวฟู่ยี่ข้างกาย เย่เทียนอดเงยหน้ามองอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ไม่ได้เก็บเขามาใส่ใจ

กลับเป็นเซวฟู่ยี่ที่ข่มความโกรธเกรี้ยวในใจไว้ไม่ไหว จ้องผู้มาด้วยดวงตาราวกับจะพ่นไฟ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางกล่าว “เติ้งเจี้ยนข่าย ขืนนายพูดเหลวไหลอีกคำฉันจะฉีกปากเหม็นๆของนายให้เละเลยเชื่อไหม!”

“คุณชายรองเซวคงไม่ได้พาลโมโหเพราะอายใช่ไหม?”

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเติ้งเจี้ยนข่ายไม่กลัวเซวฟู่ยี่เลยสักนิด เขาพูดอย่างมีเหตุมีผล “แต่ประเด็นคือฉันไม่ได้พูดเหลวไหลนี่นา!”

“ที่นี่มีคนไม่น้อยได้เห็นเรื่องเมื่อครึ่งเดือนก่อนกับตา พวกเขาเป็นพยานให้ฉันได้หมดว่าฉันพูดความจริง”

เขามองไปรอบๆอย่างลำพองใจ ก่อนจะยิ้มเย็นๆ “งานแข่งม้าเมื่อครึ่งเดือนก่อน คุณชายรองเซวแพ้จนไม่เหลือแม้แต่กางเกงจริงๆนี่นา ถ้าไม่ใช่ว่าสุดท้ายอารองของนายออกหน้าให้ เกรงว่าวันนั้นนายจะเดินออกจากงานแข่งม้ายังไม่ได้เลยมั้ง?”

“คุณชายรองเซวเอ๋ยคุณชายรองเซว ทำไมนายถึงบ้าพนันขนาดนั้นนะ? ไม่กลัวว่าวันนี้ก็ต้องแพ้จนเรียกพ่อมาเหรอ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่