ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 72

หลายวันนี้เฉินหวั่นชิงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ช่วงเมื่อวานนี้เอง ถึงออกจากโรงพยาบาลมา

เดิมเธอคือผู้หญิงที่ไม่ยอมแพ้ใครคนหนึ่ง บวกกับก่อนหน้านี้เกิดอุบัติเหตุรถชน แต่ไม่ได้เจ็บโดนส่วนสำคัญ ดังนั้นวันนี้เธอจึงมาทำงานที่บริษัทแล้ว

สำหรับเรื่องรับสมัครบอดี้การ์ดประจำตัว เธอก็รับรู้เช่นกัน หลังมาถึงบริษัท จึงอยากเข้ามาดูสักหน่อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบอดี้การ์ดที่มาสมัครงานนี้ เป็นคนที่จะมาตามอยู่ข้างกายเธอ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องเข้ามาสังเกตการณ์สักหน่อย

แต่ทว่า หลังจากเธอรีบเข้ามาดู อดอึ้งค้างไปทั้งตัวไม่ได้

สถานการณ์ที่วุ่นวายฉากหนึ่ง เดิมทีไม่เหมือนการรับสมัครงาน กลับเป็นเหมือนการสู้รบมากกว่า

ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็หันหน้าไปมอง

เฉินหวั่นชิงสวมชุดสูททำงานสีขาว และขาเล็กที่สวมถุงน่องดำคู่หนึ่งข้างล่างชายกระโปรงสั้น ดึงดูดจินตนาการผู้คน

แทบจะในชั่วขณะนั้น สายตาของทุกคนงงงวยไป ตะลึงในความสวยของเฉินหวั่นชิงกันอยู่

“ท่านประธาน!”

กู้กวนชีมีปฏิกิริยาเข้ามาในวินาทีแรก รีบเข้าไปต้อนรับแล้ว

เฉินหวั่นชิงพยักหน้าให้ กวาดสายตาไปรอบทิศทาง สุดท้ายจับจ้องบนตัวเย่เทียน ขมวดคิ้วพระจันทร์เสี้ยวเล็กน้อย คิดในใจ ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้?

เย่เทียนก็มองไปทางเธอเหมือนกัน ไม่พูดจา บนหน้าเผยรอยยิ้มที่อบอุ่นออกมา

“หวั่นชิง!”

จางฟู่ฉีที่โดนตบหน้าทีหนึ่งได้สติกลับมา รีบเดินเข้าไปด้านหน้า ถึงแม้บนหน้าจะบวมตุ่ย ในสายตาเขายังคงเต็มไปด้วยความเร่าร้อน

“ประธานจาง อยู่ในบริษัท ขอให้คุณเรียกฉันว่าท่านประธานด้วย!”

เฉินหวั่นชิงเก็บสายตากลับ ทำเป็นเหมือนไม่รู้จักเย่เทียนโดยสิ้นเชิง เอ่ยปากอย่างเย็นชา

“ครับๆ ท่านประธาน!”

จางฟู่ฉีหัวเราะเก้อๆ ตอบไป ในสายตากลับมีแววตาแค้นเคืองที่คลุมเครือแฉลบผ่าน

นังตัวดี ยังกล้ามาแสร้งทำเป็นเย็นชาสูงส่งต่อหน้าฉัน ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่ง ฉันจะพาเธอขึ้นเตียงไปพิชิตให้ราบคาบเลย!

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน?”

เฉินหวั่นชิงไม่รู้ความคิดในใจของจางฟู่ฉี สูดหายใจลึกๆ สอบถามทางกู้กวนชี

โดยเฉพาะที่นี่คือในบริษัท เธอไม่ชื่นชอบเย่เทียนอย่างไร ก็ไม่อาจแสดงออกมาต่อหน้าได้

เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคน อยู่ภายในบริษัทที่จริงแล้วเป็นความลับเรื่องหนึ่ง มีเพียงสมาชิกสายตรงของตระกูลเฉินที่รับรู้

สำหรับเย่เทียน ยิ่งไม่เคยปรากฏตัวในบริษัทมาก่อน ดังนั้นคนในที่นี้ล้วนไม่รู้สถานะแท้จริงของเย่เทียน

“เจ้าหนุ่มนี่ ทำร้ายร่างกายผมกับหัวหน้าติงข้างในบริษัทของพวกเรา ท่านประธาน ผมแนะนำให้จับเขาส่งไปสถานีตำรวจ!”

ไม่รอให้กู้กวนชีตอบคำถาม จางฟู่ฉีก็จ้องเย่เทียนแบบเหี้ยมโหด พูดขึ้น

“เป็นแบบนี้เหรอ?”

เฉินหวั่นชิงขมวดคิ้วแน่น ขอคำยืนยันจากกู้กวนชี

กู้กวนชีอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด เล่าเรื่องราวที่ประสบพบเจอมาอย่างเป็นธรรมไปรอบหนึ่ง

เฉินหวั่นชิงพยักหน้า จากในความคิดเห็นของกู้กวนชี เธอรู้ว่าเย่เทียนไม่ได้ทำผิด เพียงแต่ว่าอยู่ต่อหน้าทุกคน เขาลงมือโหดขนาดนี้ ภายในใจไม่พอใจความบุ่มบ่ามของเย่เทียนเท่าไรนัก

ภายใต้ภาวะจำยอม เธอยังมองทางเย่เทียน พลันถามว่า “นายยังมีอะไรเสริมอีกไหม?”

“ยังต้องเสริมอะไรกันอีก? ผู้ช่วยกู้พูดชัดเจนมากแล้ว เขาทำร้ายร่างกายอยู่ที่นี่ นักเลงแบบนี้ จำเป็นต้องแจ้งความ!”

จางฟู่ฉีพูดจาดุร้าย

แต่ทว่า ในเวลานี้เอง เย่เทียนกลับลุกออกมาแล้ว ก่อนจะยิ้มบอก “มีเรื่องที่อยากเสริมแน่นอน”

ระหว่างพูดจา เขามองจางฟู่ฉีเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มแวบหนึ่ง

จางฟู่ฉีค่อนข้างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเขายังอยากพูดอะไรอีก

“วันนี้ผมเข้ามาร่วมสัมภาษณ์งานบอดี้การ์ด ใครจะรู้ อยู่ในห้องน้ำได้ยินความลับบางอย่างเข้า มีใครบางคนคิดแผนมีเลศนัย อยากแฝงสายลับไว้ข้างกายคุณ เพื่อความลับที่ไม่อาจบอกใครได้บางอย่าง ติงเหล่ยคนนั้น ก็คือผู้ช่วยคนร้าย!”

เสียงของเย่เทียนดังอยู่ข้างหูของทุกคน ชั่วขณะนั้นทุกคนตอบสนองเข้ามา หน้าเผยสีหน้าตกตะลึง นึกไม่ถึงด้านในนี้ยังมีเบื้องหลังอยู่มากขนาดนี้!

“ดังนั้น พวกเขาเลยอยากไล่ผมไป ใครจะรู้ว่าพวกเขาอ่อนแอขนาดนี้ เล่นเอาตัวเองแทบตายเลย”

หลังจากเย่เทียนพูดจบ จางฟู่ฉีจิตใจสับสน รีบตะโกนบอกทันที “แกพูดเหลวไหล!”

“ฉันยังไม่ได้ระบุชื่อเลย แกรีบร้อนลุกออกมาขนาดนี้ทำไม?”

เย่เทียนแสยะปากยิ้ม กะพริบตาให้เฉินหวั่นชิงแล้ว จากนั้นถึงพูดว่า “แต่ว่า ฉันพูดเหลวไหลรึเปล่า ถามเขาดูก็รู้แล้ว”

ระหว่างที่พูด เย่เทียนยกมือขึ้น ชี้ไปทางตู้ไห่ฉวนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน

ทุกคนมองไปตามทางที่เย่เทียนชี้นิ้ว แล้วพากันถอยหลบออกมา

ตู้ไห่ฉวนสีหน้าประหม่า ท่าทางกระสับกระส่าย “แก แกทำอะไร ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”

“ไม่รู้? แกแน่ใจ?”

เย่เทียนเดินเข้าไปด้านหน้า ฝ่ายตรงข้ามยังอยากดิ้นรน แต่กลับถูกเย่เทียนพลิกมือตบไปสองทีจนมึนงง น้ำหนักห้าสิบกว่ากิโลกรัม ถูกเขาหิ้วอยู่ในมืออย่างกับลูกเจี๊ยบ โยนไว้บนพื้นตรงหน้าเฉินหวั่นชิง

“ตอนนี้ ฉันจะถามประโยคหนึ่ง แกตอบประโยคหนึ่ง ถ้ากล้าโกหก แกก็คงเห็นจุดจบของติงเหล่ยนั้นแล้วนะ”

เย่เทียนหัวเราะหึๆ พูดคุกคามอย่างไม่สนใจสักนิด

ตู้ไห่ฉวนถูกเย่เทียนตบไปสองทีจนกลัวแล้ว ตอนนี้ได้ยินเขาพูดขนาดนี้ บนหน้ายิ่งซีดเผือด มองไปยังเย่เทียนโดยจิตใต้สำนึก รู้สึกเพียงว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับเสือดุร้ายตัวหนึ่ง ไม่กล้าต่อต้าน จึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“ดีมาก”

เย่เทียนแสดงความพอใจต่อการแสดงออกของเขามาก บอกว่า “ฉันจะถามแก แกปรึกษากับติงเหล่ยคนนั้นเรียบร้อยแล้วใช่ไหมว่า รอติงเหล่ยอ่อนข้อให้แก แล้วให้แกกลายเป็นบอดี้การ์ดประธานเฉินของพวกเรา?”

“ใช่ ครับ!”

ตู้ไห่ฉวนไม่กล้าปกปิด “ผมสติเลอะเลือนเหมือนถูกผีเข้าสิง อยากจะตามจีบประธานเฉิน ดังนั้นจึงติดสินบนติงเหล่ยแล้ว ให้เขาอ่อนข้อให้ผม”

“เป็นแบบนี้เหรอ?”

เย่เทียนหัวเราะเยาะ สายตาที่มองเขาค่อยๆ เย็นชา

ในใจตู้ไห่ฉวนสะพรึงกลัว เขามองจางฟู่ฉีโดยจิตใต้สำนึกแล้ว ไม่กล้าเปิดโปงเขาออกมา กัดฟันพยักหน้า “คือแบบนี้ครับ ทุกอย่าง เป็นผมกับติงเหล่ยวางแผนกันไว้ ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่นเลย!”

วิธีการพูดที่แต่งเติมมากเกินไปนี้ของเขา พอจะทำให้ในใจทุกคนเกิดความสงสัยแล้ว

เฉินหวั่นชิงไม่ได้โง่ รู้ว่าข้างในนี้ยังต้องมีเรื่องราวที่บอกคนอื่นไม่ได้อีก เธอกวาดตามองจางฟู่ฉีโดยจิตใต้สำนึก พูดทันทีว่า “เหอเชิ่ง จับคนคนนี้กับติงเหล่ยเอาไว้ ส่งไปที่สถานีตำรวจ ควรทำอย่างไร ก็ทำอย่างนั้นไป!”

“ครับ!”

เหอเชิ่งรีบพยักหน้าทันที เรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยสามสี่คนเข้ามา จับซ้ายคนขวาคนพาตัวตู้ไห่ฉวนและติงเหล่ยที่สลบไปด้วยกัน

“ตั้งแต่นี้ไป นายคือหัวหน้าของฝ่ายความปลอดภัย เรื่องของที่นี่ มอบให้นายมาจัดการ!”

สไตล์การทำงานของเฉินหวั่นชิงฉลาดและชำนาญพอสมควร ภายในสองสามประโยค ก็จัดการเรื่องราวทั้งหมดเสร็จแล้ว

ส่วนเหอเชิ่งยิ่งรู้สึกดีใจใหญ่ พยักหน้าติดต่อกัน มองเย่เทียนด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจมาก

ถ้าไม่ใช่เย่เทียนจับติงเหล่ยปลาเน่าตัวนี้ออกมาได้ เดิมทีเขาคงไม่มีโอกาสกลายเป็นหัวหน้าของฝ่ายความปลอดภัย

ผ่านพ้นเรื่องนี้ไป ความรู้สึกดีๆ ที่เขามีต่อเย่เทียนยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรง

เย่เทียนย่อมสังเกตถึงเจตนาดีในสายตาของเขาได้เป็นธรรมดา ยักไหล่ พลางมองจางฟู่ฉีด้วยความหมายลึกซึ้งทีหนึ่ง ไม่ได้ตามเอาเรื่องต่อไปอีก

“ท่านประธาน......”

จางฟู่ฉียังไม่หมดหวังอยู่บ้าง เขาถูกเย่เทียนตบหน้าทีหนึ่ง ในใจยังเกลียดเย่เทียนอยู่

“ประธานจาง เขาตบหน้าคุณทีหนึ่ง ฉันจะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้คุณแทนเขา เรื่องนี้จบแค่นี้แล้วกัน คุณเข้าใจใช่ไหม?”

เฉินหวั่นชิงใช้สายตากดดันนิดหนึ่งจ้องจางฟู่ฉีไว้ คนที่ถูกจ้องในใจเต้นตึกตัก กัดฟันแล้ว กลับทำได้เพียงทนเสียเปรียบอย่างนี้ไป

ไม่นานก็จัดการเรื่องราวทุกอย่างเสร็จ

“นายตามฉันไปห้องทำงานสักหน่อย!”

เฉินหวั่นชิงทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งที่ไม่มีความรู้สึกสักนิดไว้ จากนั้นหมุนตัวเดินไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่