"ฉันมีเหตุผลของฉัน ยังไงเสียปืนใหญ่ก็ต้องตายอยู่ดี!"
กู่เจิ้นเจียงรู้สึกรำคาญอย่างยิ่งกับคำตอบที่ไม่ใช่คำตอบของฮาชิโมโตะ มินาโตะ เขาตบลงเขาบนโต๊ะและคำราม "ฮาชิโมโตะ มินาโตะ เธอหมายความว่ายังไง? นั่นคือชีวิตคนคนหนึ่ง แค่คำตอบประโยคเดียวของเธอก็ถือว่าเรื่องนี้จบแล้วหรือไง?”
“เจิ้งเจียง!”
เห็นได้ชัดว่า สวีพานไม่พอใจกับคำตอบนี้ ดวงตาที่ขุ่นมัวของเขากวาดมองไปที่ กู่เจิ้นเจียง ก่อนจะตกลงที่ตัวของฮาชิโมโตะ มินาโตะในทันที “หัวหน้าฮาชิโมโตะ คุณเองก็เห็นแล้ว รบกวนช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าเหตุผลคืออะไร?”
มุมปากของฮาชิโมโตะ มินาโตะเผยรอยยิ้มขี้เล่น จากนั้นก็เอ่ยอย่างสบายๆว่า "ลูกพี่สวี ปืนใหญ่วางยาฉันคิดจะหมิ่นเกียรติฉัน คุณคิดว่าเหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่?"
"นี้..."
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นก็พูดไม่ออกในทันที และแต่ละคนก็มีสีหน้าแปลกๆขึ้นมา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฮาชิโมโตะในวัยแรกแย้มนั้นสร้างความเย้ายวนใจอย่างมากต่อผู้ชาย หากปืนใหญ่คิดจะใช้เล่ห์เหลี่ยมคิดไม่ซื่อกับฮาชิโมโตะจริงๆ อย่างนั้นก็สมควรตาย!
ปัญหาสำคัญคือ นี่เป็นเพียงคำพูดฝ่ายเดียวของฮาชิโมโตะ ใครกันที่จะรู้บ้างว่าเรื่องนี้เป็นจริงหรือเท็จ?
ในเวลานี้ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่สวีพานท่าทีของเขาที่เป็นหัวหน้าแก๊งนั้นถือว่าสำคัญที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
หากเขาเชื่อคำพูดของฮาชิโมโตะ ทั้งสองฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องทำสงครามกัน ไม่อย่างนั้น ก็จำเป็นต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้มลงก่อนสงครามถึงจะจบ!
อย่างไรก็ตาม ในใจของทุกคนล้วนเป็นเหมือนกระจกเงา ปืนใหญ่ก็เป็นแค่คนตัวเล็กคนหนึ่งที่เป็นเพียงชนวนของเรื่องเท่านั้น ตอนนี้ แก๊งหวงจี๋ถึงฉากหน้าจะดูสงบ แต่ในที่ลับพวกเขากลับต่อสู้กันอย่างไม่รู้ว่าโหดขนาดไหน!
เรื่องครั้งนี้มองดูแล้วเหมือนว่ามันจะเป็นปัญหาระหว่างฮาชิโมโตะ มินาโตะ และแก๊งหวงจี๋แต่อันที่จริงกลับเป็นการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายของกู่เจิ้นเจียงที่สนับสนุนสงครามกับฝ่ายของอูชิงเจ๋อที่สนับสนุนสันติภาพเป็นหลักไม่ใช่หรือไง?
“เธอมีหลักฐานอะไร? คงไม่ได้จะให้พวกเราฟังเธอข้างเดียวหรอกนะ?”
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง กู่เจิ้นเจียง ก็เอ่ยถามขึ้น แต่ท่าทีของเขาไม่ได้อารมณ์ร้อนเหมือนก่อนหน้า
"ไม่มีหลักฐาน"
ฮาชิโมโตะ มินาโตะเหลือบมองเขาอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูด "ฉันทำได้แค่ใช้นิสัยของฉันมายืนยัน สิ่งที่ฉันพูดคือความจริง!"
“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าฉันต้องการสร้างเรื่องจริงๆ ทำไมฉันต้องลงมือกับคนตัวเล็กๆอย่างปืนใหญ่ด้วย ฉันไม่โอ้อวด แต่ฉันเชื่อว่าทุกคนที่นี่หากไม่ได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อน หากฉันอยากจะฆ่าใคร คนนั้นก็ต้องตาย!”
ระหว่างพูด ฮาชิโมโตะ มินาโตะก็กวาดตามองไปยังฝูงชน ใบหน้าของเธอเผยให้เห็นความมั่นใจในตนเองอย่างแรงกล้า
แม้ว่าคำพูดของฮาชิโมโตะ มินาโตะจะฟังแล้วเย่อหยิ่งอย่างมาก แต่ผู้บริหารระดับกลางสูงของแก๊งหวงจี๋ก็ไม่มีข้อโต้แย้งเลย
นี่เองก็เป็นที่รู้กันดีเช่นกัน ใครใช้ให้ฮาชิโมโตะ มินาโตะเป็นประธานกิลด์แห่งความลับสาขาเมืองจินกัน? หากไม่มีการป้องกันตัวเอาไว้ล่วงหน้า พวกเขาไม่สามารถหลีกหนีการลอบสังหารได้จริงๆ!
“คุณฮาชิโมโตะ เป็นฉันที่หละหลวมเอง ถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตอนนี้ในเมื่อปืนใหญ่ตายแล้ว เรื่องนี้ก็ให้ถือว่าจบลงเถอะ ไม่จำเป็นต้องทำร้ายความสามัคคีของกันและกันเลย!”
หลังเงียบอยู่นานในที่สุดสวีพานก็ลุกขึ้นยืน เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อในสิ่งที่ฮาชิโมโตะ มินาโตะพูด และต้องการปกปิดเรื่องนี้ลงไป
กู่เจิ้นเจียงพูดอย่างไม่ยอมแพ้ "ลูกพี่ แต่..."
ก่อนที่กู่เจิ้นเจียงจะพูดอะไรออกมา สวีพานกลับโบกมือขัดจังหวะก่อน “พอแล้ว ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว? หากเป็นตอนปกติฉันคงนอนหลับไปนานแล้ว เรื่องนี้ให้พอเท่านี้เถอะ!”
กู่เจิ้นเจียงในใจรู้สึกอึดอัดอย่างมาก แต่ในเมื่อสวีพานตัดสินใจไปแล้ว ต่อให้เขาไม่เต็มใจก็ได้แต่ต้องฝืนยอมรับ เพราะท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็ยังไม่ร้ายแรงพอที่จะฉีกหน้าได้
“ลูกพี่ ผมง่วงแล้ว ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน!”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู่เจิ้นเจียง ก็รู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่ตนจะรั้งอยู่อีกต่อไป เขาเอ่ยบอกสวีพานด้วยท่าทีแข็งกร้าว จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างโกรธเคืองและสาวเท้าเดินจากไปยังด้านนอก
กลุ่มคนที่สนับสนุน กู่เจิ้นเจียง เมื่อเห็นดังนั้นแล้วก็รีบเอ่ยบอกกล่าว สวีพานและไล่ตามเขาออกไปเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่