ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 723

เมื่อเห็นรถตู้อเนกประสงค์ขับไปตามถนนสายหลัก เย่เทียนก็มองคนขับด้วยสายตาวิเคราะห์ก่อนจะมองไปยังรถสองคันข้างหลังเขาผ่านหน้าต่าง จากนั้นสีหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา

“ภรรยา ครั้งนี้เธอมาที่เมืองจินโดยไม่บอกอะไรก่อนเลย เกิดอะไรขึ้น?”

เฉินหวั่นชิงพยักหน้าเล็กน้อยและอธิบายอย่างขมขื่น “ระยะนี้ตั้งแต่ที่คุณไม่อยู่ ในบ้านก็มีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้น....”

จากนั้นเฉินหวั่นชิงก็เอ่ยเล่าไปถึงสิบห้านาทีเต็มๆ เย่เทียนถึงค่อยเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงได้มาเมืองจินโดยไม่บอกไม่กล่าว

พูดง่ายๆ ก็คือตั้งแต่ที่เขาจากไป ฮั่วเยี่ยนจื่อสองที่น้องก็อยู่ที่เจียงหนานเพียงไม่กี่วัน ต่อมาก็เกิดเรื่องซูเหมยถูกลักพาตัวไปต่างประเทศ สองพี่น้องตระกูลฮั่วจึงกลับไปที่จ๊กกลางเพื่อจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

จากนั้นบริษัทแซ่เฉินก็ถูกโจมตีโดยแฮกเกอร์และถูกขโมยข้อมูลการวิจัยเกี่ยวกับสารพันธุกรรมไปไม่น้อย

ต้องขอบคุณการมองการณ์ไกลของเฉินหวั่นชิง เธอใส่ข้อมูลหลักของยารักษาโรคลงในคอมพิวเตอร์ที่ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ถึงสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงได้

แต่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า หลังจากการโจมตีของแฮ็กเกอร์เพียงไม่กี่วัน นักวิจัยที่รับผิดชอบในการพัฒนาสารพันธุกรรมก็ถูกสังหาร อีกทั้งก่อนตายยังถูกทรมานเพื่อเค้นคำตอบ นี่ช่างน่ากลัวมากจริงๆ!

ด้วยเหตุนี้ เฉินหวั่นชิงตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าแม้ว่าสารพันธุกรรมจะนำความมั่งคั่งมาสู่บริษัทแซ่เฉิน แต่อาศัยแค่บริษัทแซ่เฉินเพียงลำพังนั้นแทบจะไม่สามารถกลืนเค้กก้อนโตลงไปเร็วแบบนี้ได้ นั่นมีแต่จะนำไปสู่ความตายเท่านั้น!

หลังจากคิดได้ดังนี้ เฉินหวั่นชิงก็ติดต่อกองทัพที่เคยตกลงร่วมมือกันมาตั้งนานแล้ว จากนั้นก็มาที่เมืองจินอย่างลับๆตามคำร้องของกองทัพ และตั้งใจที่จะยืมห้องทดลองวิจัยของคนอื่นเพื่อทำการวิจัยสารพันธุกรรมโดยตรง!

เมื่อได้ยินดังนั้น เย่เทียนก็เข้าใจทันทีและพยักหน้า ไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์กรหย่งเย่จะไม่มีการเคลื่อนไหว ที่แท้ไม่ได้ไม่ทำอะไรเลย แต่แค่ย้ายสายตาจากเฉินหวั่นชิงไปยังผู้คนเบื้องล่างแทน

เมื่อคิดเช่นนี้ เย่เทียนก็อดคิดไม่ได้เกี่ยวกับยาลึกลับที่เขานำกลับมาจากตลาดมืดขณะที่แก้ไขปัญหาปาซ่งในสามเหลี่ยมทมิฬ หรือมันจะถูกสร้างขึ้นโดยองค์กรหย่งเย่? แต่ยังไม่ได้รับข้อมูลหลักของสารพันธุกรรมก็เลยเกิดผลสืบเนื่องใหญ่โตแบบนี้ขึ้น?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นเกี่ยวกับตี๋ต้าจื้อ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ในบ้านแต่กลับไม่ยอมบอกเขา เจ้านั่นต้องการทำอะไรกันแน่?!

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คนทั้งสองคนที่แยกกันมานานกว่าครึ่งเดือนพอเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาก็ถือว่าไม่เศร้ามากอีกต่อไป หลังจากขับรถไปประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถก็หยุดลง

เมื่อเย่เทียนลงจากรถไปดู เขาก็พบว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพแห่งหนึ่ง ที่หน้าประตูมี รปภ.หลายคนยืนอยู่ พวกเขายืนตัวตรงและเต็มไปด้วยพลัง ที่เอวมีของแขวนปูดออกมาเห็นชัดว่าเป็นอาวุธ และสามารถพูดได้ว่าพวกเขาเข้มงวดอย่างยิ่ง

เฉินหวั่นชิงมองไปรอบๆ และพยักหน้าเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอค่อนข้างพอใจกับสภาพแวดล้อมที่เข้มงวด

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คนทั้งสองจะก้าวไปข้างหน้า ในบริษัทกลับมีชายในชุดสูทอายุ 30 ต้นๆ วิ่งเหยาะๆ ออกมา ในมือของเขาถือช่อกุหลาบเอาไว้ คนที่คุ้มกันเฉินหวั่นชิงเองก็ไม่ได้ห้ามเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักชายในชุดสูท

“ประธานเฉิน ในที่สุดคุณก็มาแล้ว”

ชายในชุดสูทรีบเข้าไปข้างหน้าและยื่นดอกกุหลาบในมือให้เฉินหวั่นชิง “ดอกไม้คู่กับสาวงาม ผมขอมอบให้ประธานเฉิน”

ขณะพูด มุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มที่ตัวเองรู้ว่าหล่อเหลาออกมา ดวงตาของเขาจ้องมองที่เฉินหวั่นชิงอย่างแนบแน่นและไม่สนใจการมีอยู่ของเย่เทียนโดยสิ้นเชิง

เย่เทียนเลิกคิ้ว แอบคิดในใจว่าชายคนนี้ออกจะกำเริบเกินไปหน่อยแล้ว? มาจีบภรรยาของตนต่อหน้าแบบนี้ ใครก็ทนไม่ไหวจริงๆ!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดเรื่องไม่ดีบางอย่าง

เฉินหวั่นชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตาที่งดงามของเธอแสดงท่าทางรังเกียจออกมา จากนั้นก็ก้าวถอยหลังเล็กน้อยและส่ายหัวแล้วพูดว่า "ประธานกู้ ฉันแพ้ละอองเกสรดอกไม้ น้ำใจของคุณฉันรับเอาไว้แล้ว"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่