“พ่อ ท่านกำลังพูดอะไรเนี่ย? ผมไม่เคยคิดจะเป็นเจ้าบ้านเลย!”
เย่หย่งหงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเย่เหว่ยกวงและกลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลเย่รวมตัวกันเพื่อบังคับให้คุณย่าเย่ สละตำแหน่งเจ้าบ้าน ตอนนี้เมื่อเขารู้ความจริงแล้ว เขาก็ส่ายหัวและปฏิเสธทันที
“หย่งหง แกกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา สีหน้าของเย่เหว่ยกวงเปลี่ยนไปอย่างมาก และเขาพูดอย่างร้อนใจว่า “คุณย่าของคุณตอบตกลงแล้ว ตอนนี้ขอเพียงแกพยักหน้า แกก็จะกลายเป็นผู้นำตระกูลเย่ของเราทันที นี่ไม่ใช่ความหวังของแกมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?"
“พ่อ นี่น่าจะเป็นความปรารถนาของท่านมั้ง?”
เย่หย่งหงขมวดคิ้วและพูดอย่างหนักแน่น“ผมได้บอกท่านตั้งนานแล้วว่า ความปรารถนาของผมคือการเข้าสู่โลกบูโด! คือการเข้าสำนักซิงเฉิน! มันคือการมุ่งมั่นสู่บูโดสูงสุดที่แท้จริง!”
หลังจากพูดอย่างนั้นเสร็จ เย่หย่งหงก็หันไปมองคุณย่าเย่อีกครั้งและพูดอย่างหมดหนทาง“คุณย่า พ่อของผมน่าจะยังไม่ตื่น ดังนั้นท่านอย่าเอามาใส่ใจเลยนะ เดี๋ยวท่านจะเสียสุขภาพจิต”
คุณย่าเย่มองไปที่เย่หย่งหงด้วยท่าทางที่ซับซ้อนและส่ายหัวเล็กน้อย “นี่ไม่ใช่แค่ความคิดเห็นของพ่อของแกเท่านั้น แต่มันคือความเห็นของทุกคนด้วย”
“ใช่!หย่งหง ไม่ว่าจะเป็นลุงคนที่สองของแก หรือลุงคนที่สี่ของแก หรือแม้แต่ผู้อาวุโสก็ยินยอมให้แกเป็นผู้นำตระกูลเย่ แกอย่าพูดอะไรโง่ๆเลยนะ รีบตอบตกลงเถอะ!”
เย่เหว่ยกวงเต็มไปด้วยความกังวล เขาไม่เคยคิดฝันว่าลูกชายที่ภาคภูมิใจของเขาจะไม่สนใจตำแหน่งผู้นำตระกู
น่าเสียดายที่เป้าหมายของเย่หย่งหงไม่ได้อยู่ที่นี่เลย เขาส่ายหัวหนักๆแล้วพูดว่า “พ่อครับ ผมได้อธิบายให้ชัดเจนพอแล้ว ผมไม่อยากเป็นผู้นำตระกูล อย่าบังคับผม!"
"หย่งหง ลองพูดใหม่อีกครั้งดูซิ!"
เมื่อเห็นว่าท่าทีของเย่หย่งหงหนักแน่นแน่วแน่ เย่เหว่ยกวงก็โกรธมากและพูดอย่างโกรธเคือง "บอกเลยนะ แกไม่อยากเป็นก็ต้องเป็น! มิฉะนั้น ต่อไปอย่าได้คิดใช้ทรัพยากรของตระกูลเย่อีก!"
เมื่อเห็นสองพ่อลูกแสดงอยู่ที่นี่ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอย่างลับๆ
ที่พวกเขายินดีสนับสนุนเย่หย่งหง ประการแรก เย่หย่งหงเป็นลูกหลานที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลเย่ในตอนนี้ ประการที่สอง ก็มีความบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ถนัดอยู่บ้าง ยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถทนดูตระกูลเย่ตกอยู่ในมือของเย่เทียนใช่ไหม?
ตอนนี้ เย่หย่งหงไม่ยอมเป็นผู้นำตระกูลเย่ พวกเขาทั้งหมดก็เริ่มไม่พอใจ
เย่หย่งหงขมวดคิ้ว สีหน้าที่ลำบากใจนั้นราวกับว่าคนอื่นพยายามจะลงโทษเขา
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ส่ายหัว “พ่อ แม้ว่าผมจะไม่สามารถใช้ทรัพยากรของตระกูลเย่ได้อีกในอนาคต ผมก็จะไม่ยอมเป็น! ท่านไปเป็นเองเลย!”
“แก ไอ้ลูกอกตัญญู นี่แกจะขัดใจพ่อและมองดูพ่อโมโหจนกระอัดเลือดตายเหรอ?”
เย่เหว่ยกวงโกรธมากจนหน้าแดง หัวใจของเขาแทบวายในจุดนั้น และด่าว่า “ขอเพียงแกพยักหน้า แกก็จะกลายเป็นผู้นำตระกูลเย่ของเรา ต่อจากนี้ก็อยู่สูงเหนือทุกคน ทำไมแกไม่ยอมฟังพ่อล่ะ?”
ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เขาก็ใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้นำของตระกูลเย่ แต่คุณปู่เย่ไม่ยอมที่จะสละตำแหน่ง เพราะความเกรงกลัวต่อคุณปู่เย่ตั้งแต่เด็ก เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร
ในที่สุดหลังจากรอให้คุณปู่เย่ตาย เขาคิดว่าลูกชายคนโตอย่างเขามีโอกาสแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคุณย่าเย่จะรุ่งโรจน์ขึ้นอย่างกะทันหัน ควบคุมความลับสูงสุดของตระกูลเย่ไว้ และทำลายความฝันของเขาไปอย่างเด็ดขาด
ผ่านไปหลายปี เขาก็อายุเข้าเลข 5 แล้ว ยังมีความทะเยอทะยานของตอนหนุ่มที่ไหนอีกล่ะ และเขาก็หวังให้ลูกชายทำตามความปรารถนาอันแสนยาวนานในสักวันหนึ่ง ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าเขา แต่เย่หย่งหงไม่เอา เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจริงๆ
“พี่ใหญ่ ในเมื่อหย่งหงบอกว่าเขาไม่อยากเป็น คุณจะบังคับเขาแบบนี้ไปเพื่ออะไร?”
ในช่วงเวลาคับขัน เย่เหว่ยจู่ยืนออกมาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ผมเชื่อว่าลูกชายของผมไม่น่าจะปฏิเสธ ทำไมไม่ให้ลูกชายของผมมาเป็นผู้นำตระกูลล่ะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่