ตึกตัก!
เห็นต้าเปียวหนีไปอย่างอนาถอย่างนี้ กู่หงเลี่ยงก็ทั้งโกรธทั้งโมโห แต่เรื่องราวก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะไม่เข้าใจได้ยังไงว่านี่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบแล้วจากเดิมทีที่คิดว่าคนเขารังแกได้ง่ายสุดท้ายคนเขากลับว่าสุดยอดกว่าตัวเอง ตอนนี้กลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้ สายตาที่มองเย่เทียนเผยสีหน้าท่าทางที่หวาดกลัวออกมา
ให้เขาฝันก็คิดไม่ถึงว่า ชื่อเสียงเรียงนามของพ่อที่ใช้ได้ดีเสมอมาครั้งนี้กลับว่าใช้ไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ!
“ตอนนี้คุณก็ทุบตีคนหมดแล้ว เพียงพอที่จะปล่อยฉันไปได้แล้วยัง?”
กู่หงเลี่ยงในเวลานี้จะไปสนใจพวกสมุนที่ต้าเปียวพามาที่ไหนกันล่ะ ตัวเองหลุดพ้นได้อย่างปลอดภัยก็อมิตตาพุทธแล้ว
ไม่รอให้เย่เทียนพูด เหลยเหลาหู่ก็เดินออกมาก่อนแล้ว พูดอย่างยิ้มเยาะว่า : “คิดจะออกไป?แกล่วงเกินคุณชายเย่ของเราอย่างรนหาที่ตาย ตอนนี้เห็นท่าไม่ดีคิดอยากจะสะบัดตูดหนี?แกคิดเรื่องนี้ซะสวยหรูเกินไปหน่อยไหม?”
เหลยเหลาหู่ก็ยังมีมันสมองอยู่บ้าง ทั้งๆที่บุคคลต่ำต้อยเหล่านี้เย่เทียนคนเดียวก็จัดการได้แล้ว แต่เย่เทียนดันให้เขาพาคนมา ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้นแน่นอน
“งั้นคุณยังเอายังไง?”
สีหน้าของกู่หงเลี่ยงเปลี่ยนเป็นซีดขาว ฝืนตัวเองให้นิ่งๆเข้าไว้พร้อมพูดว่า : “พ่อฉันคือกู่เจิ้นเจียง ถ้าหากพวกคุณกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายขน ฉันรับรองเลยว่าพ่อของฉันไม่มีทางปล่อยพวกคุณไปแน่นอน! ”
เหลยเหลาหู่สอบถามเย่เทียนอย่างไม่เข้าใจเรื่องวงใน : “คุณชายเย่ กู่เจิ้นเจียงอะไรนั่นเป็นใครเหรอครับ? ”
“กู่เจิ้นเจียงเป็นหนึ่งในสองของรองหัวหน้าใหญ่แห่งแก๊งหวงจี๋”
มุมปากของเย่เทียนเผยรอยยิ้มจอมปลอมออกมา “ว่ากันว่าภายในของแก๊งหวงจี๋ขัดแย้งกันมาตลอด ก็คือไอ้คนๆนี้คิดอยากจะยึดอำนาจ”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา สีหน้าของกู่หงเลี่ยงก็ดูแย่มากยิ่งขึ้น นึกไปถึงความสงบนิ่งของเย่เทียนก่อนหน้านี้ เขาจะยังเดาไม่ได้ที่ไหนล่ะว่าเย่เทียนหลอกลวงให้ศัตรูตายใจตั้งแต่แรก!
ทันใดนั้น สีหน้าท่าทางที่กู่หงเลี่ยงมองไปยังเย่เทียนก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและระวังตัว แต่เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว เขาก็ไม่พูดอะไร ทำได้เพียงมองไปยังเหลยเหลาหู่แล้ว แอบอธิษฐานให้เหลยเหลาหู่หลังจากที่รู้ตัวตนของพ่อเขาแล้วจะเกรงกลัวหน่อย
“มิน่าล่ะถึงได้เย่อหยิ่งแบบนี้ ที่แท้พ่อของแกก็คือเจ้าสองพันปีผู้ที่ไม่ซื่อสัตย์?ไม่ใช่สิ ไม่แน่อาจจะเป็นเจ้าสามพันปีนะ!”
เหลยเหลาหู่หัวเราะเหอะๆ อย่างน้อยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเย่เทียนถึงให้เขาพาคนมา
มีความคิดอย่างหนึ่งวนไปมาอยู่ในสมอง เขาหันหน้าไปถามเย่เทียนว่า : “คุณชายเย่ คุณอยากให้ผมทำยังไงครับ?”
“แกอยากจะให้ฉันชดใช้เงินไม่ใช่เหรอ?เงินก็ชดใช้เงินแล้วกัน!”
เย่เทียนยิ้มอย่างเยือกเย็น พูดย้อนคำพูดที่กู่หงเลี่ยงพูดก่อนหน้านี้ “ให้ผู้หญิงของแกขับรถแกไปเอาเงินสิบล้านมา ขาดไปหนึ่งสตางค์ก็สับนิ้วแกหนึ่งนิ้ว !”
ในระหว่างคำพูด ดวงตาสีดำเข้มของเย่เทียนก็หรี่ลง บวกกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันที่มุมปาก เหมือนกับคนเจ้าเล่ห์ที่กำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่!
กู่หงเลี่ยงแอบด่าในใจ คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะชั่วเช่นนี้ เอ่ยปากบอกต้องการสิบล้าน แต่ในใจลึกๆ เขากลับว่าแอบโล่งอก ขอเพียงแค่สามารถใช้เงินในการแก้ไขปัญหาได้ งั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร!
“สิบล้านใช่ไหม?ได้!ฉันถึงขั้นกับว่าเพิ่มให้พวกคุณอีกสองล้านได้เลย แต่ว่า……”
กู่หงเลี่ยงพูดตักเตือน : “ถ้าพวกคุณกล้าแตะต้องฉันแม้แต่ปลายขน ฉันรับรองเลยว่าพ่อฉันไม่มีทางปล่อยพวกคุณไปแน่ พวกคุณทุกคนจะไม่มีใครได้เห็นพระอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้อีก!”
เย่เทียนได้ยินเข้า อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังลั่น ไม่รู้เลยว่าควรพูดว่ากู่หงเลี่ยงฉลาด หรือว่าโง่ดี
ว่าเขาฉลาดแล้วกัน ที่เสนอเงินเพิ่มอีกสองล้านขึ้นมาเอง ซื้อใจคนได้อย่างดีมากโดยไม่มีข้อสงสัย
แต่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาดันกล้าพูดข่มขู่ออกมา เอาความกล้านี้มาจากที่ไหนกันแน่?
“คุณชายกู่ เชิญครับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่