วางสายโทรศัพท์จากหลู่ซีซาน เย่เทียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหลู่ซีซานถึงได้รีบร้อนให้ตัวเองไปขนาดนี้
แต่ว่า เขาก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้มากมายอีก ถึงอย่างไรอีกเดี๋ยวเจอหลู่ซีซานก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เย่เทียนเก็บโทรศัพท์แล้ว นัยน์ตาสีดำเข้มคู่นั้นมองดูออกไปรอบๆรอบหนึ่ง ยื่นมือกวักเรียกเหลยเหลาหู่แล้ว
เหลยเหลาหู่รีบวิ่งเหยาะๆเข้ามาแล้ว พูดถามหยั่งเชิงว่า : “คุณชายเย่ มีอะไรจะรับสั่งครับ?”
“ฉันมีธุระต้องออกไปก่อน เรื่องของที่นี่ก็มอบให้คุณจัดการแล้วนะ”
เย่เทียนเชื่อมั่นว่าเหลยเหลาหู่จะจัดเรื่องนี้ได้ดี มอบอำนาจให้เขารับผิดชอบเลยละกัน
“คุณชายเย่ งั้นไม่ทราบว่าคุณต้องการผลลัพธ์แบบไหนครับ?”
เหลยเหลาหู่พยักหน้าแล้ว เหลือบสายตามองไปยังกู่หงเลี่ยงพูดเสียงเบาๆว่า : “ในเมื่อพ่อของไอ้หมอนั่นเป็นหนึ่งในสองของรองหัวหน้าใหญ่แห่งแก๊งหวงจี๋ พวกเราจะ……”
“ไม่จำเป็นต้องทำให้มันวุ่นวายขนาดนั้น”
ไม่รอให้เหลยเหลาหู่พูดจบ เย่เทียนก็โบกไม้โบกมือขัดจังหวะแล้ว “อีกเดี๋ยวถ้าหากผู้หญิงคนนั้นนำเงินกลับมาแล้ว ก็ปล่อยเขาไปเถอะ ได้เงินสิบล้านมาง่ายดายเช่นนี้ ก็ถือว่าพอแล้ว”
หยุดครู่หนึ่ง เย่เทียนพูดอย่างยิ้มเยาะว่า : “แน่นอนว่า ถ้าหากพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ งั้นคุณก็ไม่ต้องเป็นกังวลอะไร ควรทำยังไงก็ทำได้เลย!”
เมื่อเหลยเหลาหู่ได้ฟัง จะไม่รู้ได้ยังไงว่าเย่เทียนหมายความว่าอย่างไร เขาติดตามเป็นสมุนของเย่เทียนมาระยะหนึ่งแล้ว สามารถครุ่นคิดถึงความคิดของเย่เทียนได้ไม่มากก็น้อย ขอเพียงแค่เย่เทียนเอ่ยปากพูด เขาก็สามารถเดาได้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
เหลยเหลาหู่อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะออกมาครู่หนึ่ง ราวกลับว่าย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่กระตือรือร้นดิ้นรนต่อสู้ในเมื่อก่อน
ทันใดนั้น ในสมองของเขาก็เกิดความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมาแล้ว คิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง รีบพูดถามทันทีว่า : “คุณชายเย่ งั้นถ้าเกิดกู่เจิ้นเจียงมาด้วยตัวเองล่ะ ผมจะต้องจับตัวเขาไว้เลยไหม?หรือว่า……”
เหลยเหลาหู่ยังพูดไม่ทันจบ แต่ยกมือทำท่าทางกรีดคอแล้ว ความหมายข้างในนั้นไม่ต้องพูดก็เข้าใจกัน
“คุณน่ะ!ต้องมองการณ์ไกลหน่อย”
เย่เทียนส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ พูดตักเตือนชี้แนะว่า : “ถ้าหากกู่เจิ้นเจียงมาที่นี่แล้ว คุณก็เจรจาต่อรองกับเขาสิ!”
ในเรื่องความเป็นจริง เขากลับว่ายอมรับว่าความคิดของเหลยเหลาหู่ไม่เลวเลย แต่ในเมื่อกู่เจิ้นเจียงมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ เรื่องเล็กน้อยๆเช่นนี้ไม่มีทางที่จะมาด้วยตัวเองแน่นอน
ยิ่งไปวกว่านั้น พิจารณาถึงตอนนี้ยังไม่รู้เรื่องภายในของแก๊งหวงจี๋ชัดเจนเท่าไหร่ ถ้าหากลงมือโหดเหี้ยมเกินไป ไม่แน่อาจจะทำให้แก๊งหวงจี๋เชือดไก่ให้ลิงดู
ว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่ฐานทัพใหญ่แห่งเจียงหนัน ถ้าหากสู้กันขึ้นมาจริงๆ คนของพวกเขาน้อยกว่าแก๊งหวงจี๋แน่นอน
“เจรจาต่อรอง?เจรจาอะไร?”
เหลยเหลาหู่เกิดสีหน้าที่สงสัยขึ้นมาทันที กลับว่าค่อนข้างที่จะคาดเดาความคิดของเย่เทียนไม่ได้แล้ว
“แน่นอนว่าเจรจาปัญหาของเขตอิทธิพลอยู่แล้ว!”
แววตาสีดำเข้มคู่นั้นของเย่เทียนเผยเงาที่ซับซ้อนออกมา พูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า : “ถึงยังไงพวกเราก็เป็นกองกำลังที่มาจากต่างถิ่น อยากจะยืนอยู่ที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีที่ให้ปักหลักไม่ใช่?ก็เจรจากับเขาเรื่องนี้ ถ้าหากเขามีความคิดเห็นอะไร คุณก็ดึงฮาชิโมโตะ มินาโตะผู้หญิงคนนั้นออกมา ทำเรื่องราวที่สงบอยู่แล้วให้เกิดวุ่นวายขึ้นมาก็พอ! ”
เหลยเหลาหู่พยักหน้าอย่างเข้าใจทุกอย่างทันที “คุณชายเย่ ผมเข้าใจความหมายของคุณครับ”
“พอแล้ว เคลียร์ทางให้ฉันหน่อย ฉันมีธุระต้องไปจัดการก่อน”
เย่เทียนเปิดประตูรถอาวดี้ไปพลาง พูดสั่งไปพลางว่า : “ที่นี่คนเยอะมากเกินไป เรื่องต่อจากนี้ก็ไม่ต้องจัดการตรงนี้แล้ว เปลี่ยนเป็นที่ที่คุ้นเคยหน่อยแล้วกัน!”
“คุณชายเย่ คุณวางใจเถอะ!ผมรู้ว่าควรทำอย่างไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่