เมื่อเห็นว่ากู่เจิ้นเจียงและอูชิงเจ๋อสองคนกำลังจะปะทะกัน ลูกน้องทั้งสองฝ่ายไม่ยอมน้อยหน้า พากันสบถก่นด่า
“คุณหนูกู้ เรื่องที่พี่ใหญ่เกิดอุบัติเหตุเป็นฝีมือของไอ้สารเลวอูชิงเจ๋อครับ คุณต้องลงโทษไอ้เนรคุณนี่ให้หนัก!”
“ใช่แล้วครับคุณหนูกู้ ตามหลักแก๊งเรา ต้องตัดเอ็นแขนขาของไอ้เนรคุณคนนี้ แล้วไล่ออกจากแก๊งหวงจี๋ของเรา!”
“พวกนายอย่ามาปรักปรำกันนะโว้ย เรื่องของพี่ใหญ่เป็นฝีมือของพวกนายชัดๆ!”
“คุณหนูกู้ คนที่ต้องโดนลงโทษคือคนทรยศอย่างกู่เจิ้นเจียงต่างหากครับ!”
ชั่วขณะนั้น ทั้งห้องประชุมไม่เหลือความขึงขังน่าเกรงขาม วุ่นวายอย่างกับตลาดสด ครื้นเครงถึงขีดสุด
มองพวกผู้ชายที่ประชันกันดุดันตรงหน้า คิ้วเรียวของกู้หยุนขมวดมุ่น ทนความเอะอะที่รบกวนแก้วหูต่อไปไม่ไหวอีกต่อไป เธอตบโต๊ะอย่างแรง ลุกขึ้นตะคอก “พอได้แล้ว! หุบปากให้หมด!”
ไม่กี่คำสั้นๆ ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายหุบปากในทันใด ห้องประชุมกลับสู่ความสงบอีกครั้ง
“ที่ฉันให้พวกนายมาในคืนนี้เพราะหวังให้พวกนายเลือกหัวหน้าใหญ่ ไม่ใช่มาโต้เถียงกัน!”
กู้หยุนกวาดสายตามองทุกคนหนึ่งรอบ และตำหนิด้วยสีหน้าเย็นชา “ดูพวกนายแต่ละคนสิ มีความเป็นพี่ใหญ่เสียที่ไหน? อย่างกับป้าขายผักในตลาดสด ไม่กลัวว่าเรื่องนี้แพร่ออกไปแล้วจะโดนคนอื่นหัวเราะเยาะรึ!”
แม้จะโดนเพศสตรีด่าว่า แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ในนี้กลับไม่กล้าส่งเสียง ไม่กล้าแม้แต่จะพูด
“ตอนนี้ ลดระดับเสียงลงซะ ทุกคนนั่งลงหารือกันดีๆและเลือกคนออกมาดูแลแก๊งหวงจี๋! ไม่ยากใช่ไหม?”
เมื่อเธอพูดเช่นนี้ ผู้คนที่เงียบไปได้ครู่หนึ่งก็โหวกเหวกขึ้นมาอีกครั้ง คนในที่นี้นอกจากกู้หยุนแล้ว ที่เหลือเลือกฝั่งกันหมด ไม่ว่าจะสนับสนุนกู่เจิ้นเจียงหรือสนับสนุนอูชิงเจ๋อ ต่างหวังให้คนที่ตัวเองสนับสนุนได้เป็นหัวหน้าใหญ่
เทียบกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้ ความแตกต่างเดียวเห็นทีจะเป็นเรื่องที่ทุกคนพูดกันเบาลง เห็นได้ชัดว่ายำเกรงกู้หยุนมาก
ถ้าเป็นเมื่อก่อนยังไม่เท่าไหร่ เจ็ดตัวเบิ้มแห่งแก๊งหวงจี๋มีสี่คนที่เข้าข้างกู่เจิ้นเจียง แต่เวลานี้ชุยเต๋อเพิ่งโดนจัดการไป ไม่ว่าจะเป็นกู่เจิ้นเจียงหรืออูชิงเจ๋อต่างมีตัวเบิ้มสนับสนุนอยู่สามคน จึงทะเลาะกันหน้าคอแดงก่ำ ไม่มีใครยอมใคร
กู้หยุนเห็นแบบนั้นได้แต่ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ ไม่พูดอะไรอีก นั่งรอให้พวกเขาทะเลาะจนล้าแล้วค่อยว่ากัน
เวลาผ่านไปช้าๆ หลังจากโต้เถียงกันอย่างดุเดือดมากว่าครึ่งชั่วโมง ท้ายสุดทั้งสองฝ่ายยังหารือไม่ได้ผล
“อูชิงเจ๋อ นายไม่ฉี่แล้วชะโงกดูเงาตัวเองหน่อยวะ คนแขนขาผอมแห้งอย่างนายมีสิทธิ์อะไรอยู่ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่?”
อูชิงเจ๋อตอบโต้กู่เจิ้นเจียงอย่างไม่ยอมแพ้ “หรือต้องแขนขากำยำแต่เซลล์สมองน้อยนิดอย่างนายเหรอ ถึงจะเป็นหัวหน้าใหญ่ได้? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆฉันว่าแก๊งหวงจี๋ของเราคงได้ยุบในเวลาไม่ถึงสองปีแน่!”
กู่เจิ้นเจียงเดือดสุดๆ แทบจะระงับความโกรธไม่ไหวแล้วพุ่งเข้าไปจัดการอูชิงเจ๋อ
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงเอะอะพลันดังขึ้นข้างนอก ประตูบานใหญ่ของห้องประชุมโดนผลักออกโดยไม่มีวี่แววก่อนหน้าอีกครั้ง
“ไม่รู้เหรอว่าพวกเรากำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ ใครวะยังจะกล้าเข้ามาอีก!”
ตัวเบิ้มคนหนึ่งอดด่าไม่ได้ แต่เมื่อเขาหันไป ความโกรธเกรี้ยวบนใบหน้าถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึง กระทั่งคำพูดยังอึกๆอักๆ “คุณ คุณชายเย่….”
ใช่แล้ว คนที่เดินเข้าห้องประชุมในเวลานี้ก็คือคุณชายใหญ่ตระกูลเย่ เย่หย่งโซ่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่