“ตายไปซะ!”
กู่เจิ้นเจียงแสดงสีหน้าที่เหี้ยมโหดออกมา ใช้เศษเซรามิกที่เเหลมคมนั้นแทงไปยังหู้หยุน
ในความคิดของเขา เรื่องทั้งหมดนี้มันเริ่มจากกู้หยุน ถ้ากู้หยุนตายไป เขาก็ยังมีโอกาสที่จะได้ขึ้นเป็นผู้นำของแก๊งหวงจี๋!
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมันค่อนข้างกะทันหัน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตั้งตัวกันไม่ทัน ไม่นึกไม่ฝันว่ากู่เจิ้นเจียงจะยังไม่ยอมลดละ
ต่อให้เป็นสวีพานที่อยู่ใกล้ทั้งคู่ที่สุด ก็ทำได้แค่ตะโกนออกมาว่า ‘ระวัง’ เท่านั้น
ไม่ทันที่จะยกปืนในมือเล็งไปที่กู่เจิ้นเจียงเลย ถ้าไม่ได้เสียงตะโกนที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนั้น กู้หยุนก็คงตายไปอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว
ทันใดนั้นเอง ที่ข้างๆ ของสวีพาน ลูกน้องคนหนึ่งของอูชิงเจ๋อก็ได้พุ่งออกไปอย่างราวกับสายฟ้า ความเร็วของเขาสูงมาก ในตอนที่ของมีคมจะแทงเข้าไปที่ตัวของกู้หยุนนั้น เขาก็ได้มาถึงอย่างฉิวเฉียด
ลูกน้องคนนั้นได้ตบไปที่มือของกู่เจิ้นเจียงอย่างแรงด้วยความเร็วที่สูงมาก
ป๊าบ!
เกิดเสียงที่ดังสนั่นขึ้น มาพร้อมกับเสียงแกร็งเบาๆ แขนของกู่เจิ้นเจียงถูกตบจนหักในทันที!
“อ้า! มือฉัน!”
ความเจ็บปวดที่ลึกเข้าไปถึงวิญญาณทำให้กู่เจิ้นเจียงโอดครวญออกมา กุมมือของตัวเองไว้แล้วอยากที่จะก้าวถอยหลัง
แต่ว่า ลูกน้องคนนั้นไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ทำ แย่งเศษเซรามิกในมือของเขามาทันที กลับด้าน แล้วแทงเข้าไปที่ลำคอของกู่เจิ้นเจียงอย่างไม่ปรานี
ฉึก!
เสียงโอดครวญของกู่เจิ้นเจียงหยุดลงทันที มือซ้ายที่ไม่เป็นอะไรกุมไปยังลำคอที่ถูกแทง มีเสียงอันน่าประหลาดดังออกมาจากลำคอ ร่างกายที่ใหญ่โตค่อยๆ ล้มลงกับพื้น ไม่นานก็สิ้นใจไป
จนถึงตอนนี้ ทุกคนถึงตั้งสติได้ สายตาต่างมองไปที่ลูกน้องคนนั้น ที่แท้ก็เป็นลูกน้องที่เย่เทียนสรรหามาจากเมืองจินและถูกทำลายวิชาไปแล้ว ที่มีชื่อว่าหยางซิงไห่นั่นเอง!
…..
ในเวลาเดียวกัน ตึกสูงที่อยู่ข้างๆ สำนักงานใหญ่
พนักงานบริษัทหลายคนที่ไม่เอาไหนล้มอยู่บนพื้น เย่เทียนที่ยืนอยู่คนเดียวมองไปรอบๆ แล้วส่ายหน้าด้วยความจนใจ
ไม่นึกเลยว่าพวกนี้จะใจเด็ดถึงขนาดนี้ พอเห็นว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตน ก็ตัดสินใจยิงชายหมวกแก๊ปที่เขาทำให้สลบ จากนั้นก็กัดลิ้นตัวเองจนตายหมดเลย
“บัดซบ!”
เย่เทียนทนไม่ไหวจนต้องสบถออกมา ไม่นึกเลยว่าการประมาทแค่นิดเดียวก็ทำให้พลาดโอกาสที่จะได้จับตัวอีกฝ่ายไปแล้ว
ต้องรู้ก่อนว่า บริษัทนักฆ่าอะไรนั่นไม่เพียงวางแผนที่จะฆ่าเขา แต่ยังมีความเป็นไปได้สูงว่าจะทำร้ายถุงเหวินหลงไปแล้ว!
“ไอ้บัดซบเอ๊ย อย่าให้ฉันมีโอกาสจับแกได้อีกนะ!”
เย่เทียนตัดสินใจอย่างเงียบๆ พอเห็นว่าไม่มีอะไรที่จะสืบได้อีก เขาจึงไม่อยากตากลมอยู่บนดาดฟ้าต่อ หมุนตัวแล้วเตรียมที่จะจากไป
หลังจากที่ตัดกำลังทางนี้ไปแล้ว เชื่อว่าทางเหลยเหลาหู่ก็น่าจะเสร็จเรื่องแล้วเหมือนกัน เย่เทียนจึงไม่คิดที่จะไปเช็คดูว่าเป็นยังไง เตรียมที่จะกลับไปอุ่นที่นอนที่บ้านแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางเฉินหวั่นชิงก็ดำเนินการได้ไม่ช้า
เนื่องจากทางด้านเฉินหวั่นชิงก็ไม่ได้ช้า อีกสองวันก็น่าจะผลิตยาสำหรับยีนชุดแรกออกมาได้ นอกจากต้องเตรียมอะไรบางอย่างแล้ว เขายังต้องพักเอาแรงอีก
ปั้ง!
แต่ทันใดนั้นเอง ประตูของดาดฟ้าก็ถูกใครบางคนเปิดออก เงาของคนหลายคนได้ปรากฏเข้ามาในสายตาของเย่เทียน
ดวงตาสีดำคู่นั้นของเย่เทียนได้หรี่ลงเล็กน้อย ในแววตาก็แอบแสดงความเคร่งขรึมออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่