เย่เทียนมองไม่เห็นร่างของมารโลหิตเลยสักนิด แต่เขาก็กระโดดออกมาจากตำแหน่งเดิมโดยไม่รู้ตัว
สวบ!
ใบมีดเย็นเฉียบผ่านไป และถึงเย่เทียนจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่ว่าใบมีดน้ำแข็งในมือของมารโลหิตได้ตัดเส้นผมของเขาออกไปปอยหนึ่งและร่วงหล่นลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล
เย่เทียนตกตะลึงในใจ หากไม่ใช่เพราะเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เกรงว่ามารโลหิตคงจะตัดแขนขวาของเขาไปแล้ว!
มารโลหิตเองก็ไม่แปลกใจ ยังไงเสียเขาก็เคยต่อสู้กับเย่เทียนมาก่อน และรู้ไม่น้อยว่าเย่เทียนนั้นจัดการได้ไม่ง่ายเลย
ถึงแบบนั้น มารโลหิตก็ยังไม่หยุด เขาขยับฝีเท้าและวิ่งไปที่ด้านข้างของเย่เทียน จากนั้นก็ใช้แท่งน้ำแข็งพุ่งแทงเย่เทียนจากทุกทิศในทันที
แม้ว่าเย่เทียนดูเหมือนจะรับรู้ได้ แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถตอบสนองต่อสมองได้ทัน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ฝืนย้ายไปด้านข้าง ร่างกายเขาต้องได้รับบาดเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถึงสองครั้งและมีเลือดไหลออกมาในทันที
"อึก?!"
เย่เทียนอดไม่ได้ที่ส่งเสียงออกมาเพราะความเจ็บปวด เขาไม่สนใจบาดแผลบนร่างท่อนบนของตน จากนั้นก็รีบก้าวเท้าถอยกลับไปติดๆ
หลังจากวิ่งออกมาห้าเมตร เย่เทียนถึงค่อยหยุดลง ดวงตาดุดันของเขาจ้องไปที่มารโลหิตด้วยความระแวดระวัง
“ยังจำเป็นต้องสู้ต่ออีกหรือไง? ต่อให้นายไม่เต็มใจมากแค่ไหน ก็น่าจะรู้ชัดว่ามีฉันและนายมีช่องว่างระหว่างกันอยู่ นายถูกกำหนดแล้วว่าไม่มีทางชนะฉัน!”
มารโลหิตส่ายหัวเยาะเย้ย จากนั้นก็มุ่งเข้าใส่เย่เทียนไม่ช้าไม่เร็ว
เย่เทียนขมวดคิ้วแน่น แม้ว่าเขาจะมีความคิดหลบหนี แต่นั่นก็ไม่อาจหันหลังหนีไปได้อย่างโง่เขลาและส่งมอบเบื้องหลังให้กับมารโลหิต พฤติกรรมแบบนี้มีแต่จะรนหาที่ตายให้ตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าเขาต้องการหลบหนีก็จะต้องหาโอกาส อย่างน้อยๆเขาก็ต้องถ่วงเวลามารโลหิตออกไปไม่กี่วินาที!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่เทียนจึงกระตุ้นคัมภีร์หวงในร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง ชี่ทิพย์หนาทึบถูกส่งผ่านไปในเส้นเลือดของแขนขาของเขาอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้เขาเร็วขึ้นและมีพลังมากขึ้น
สวบ!
วินาทีถัดมา เย่เทียนก็กลายเป็นเงาและวิ่งเข้าหามารโลหิตอย่างดุเดือด ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมจริงจัง ไม่กล้าที่จะผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย
ฮู ฮู ฮู !
กำปั้นใหญ่ราวกับสามารถเจาะความว่างเปล่าได้จนส่งเสียงหวีดหวิวออกมา และพุ่งต่อยมารโลหิตด้วยพลังที่ไม่ย่อท้อ
อย่างไรก็ตาม มารโลหิตนั้นกลับดูคล้ายสามารถบิดเบี้ยวได้และหายตัวไปในทันที
“ฉันยอมรับว่านายแข็งแกร่งมาก หากนายเจอกับผู้แข็งแกร่งระดับดิน ฉันเชื่อว่าจะเป็นนายที่ยืนหยัดจนถึงคนสุดท้าย แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ฉันอยู่ที่แดนระดับฟ้า ไม่ว่านายจะดิ้นรนอย่างไรก็ล้วนเปล่าประโยชน์!”
เสียงของมารโลหิตแทรกซึมมาจากทุกทิศทาง เย่เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขายืนนิ่งและหลับตาลง ราวกับว่าตนไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายเลย
ระดับสูงสุดของศิลปะการต่อสู้คือการนิ่งสยบทุกการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้เขาไม่สามารถตรวจจับร่างของมารโลหิตได้เลย
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เมื่อตาเปล่าไล่ตามมารโลหิตไม่ทัน อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้ตา และใช้ความรู้สึกสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงอันน่าพิสดารระหว่างสวรรค์และโลกเอา!
แน่นอน เย่เทียนมีความคิดนี้ได้ก็เพราะรู้ว่ามารโลหิตจะไม่ฆ่าตนเองไปในทีเดียวแน่ ตราบใดที่เขาไม่ตาย เขาก็ยังมีโอกาส!
พูดง่ายๆ ก็คือ เย่เทียนพร้อมที่จะใช้อาการบาดเจ็บแลกอาการบาดเจ็บและคิดจะลองเอาตัวเข้าสู้กับมารโลหิตดู เขาจะต้องให้มารโลหิตต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมา จากนั้นก็อาศัยช่วงที่เขากำลังมึนงงหลบหนีไป!
เมื่อเห็นเย่เทียนยืนนิ่งอยู่กับที่ ร่างของมารโลหิตก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในระยะห่างจากเย่เทียนไม่ถึงสามเมตร "ทำไม? นายเตรียมเลิกต่อต้านแล้วหรือไงกัน?"
ขณะพูด เขาก็โบกมืออีกครั้ง และทันใดนั้นแท่งน้ำแข็งมากมายก็ปรากฏขึ้นและยิงใส่เย่เทียน
แม้ว่าเย่เทียนจะหลับตาอยู่ แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวรอบตัวเขา นี่เป็นสถานการณ์ที่พิสดารอย่างยิ่ง ราวกับการถูกใครจับตามองอยู่และรู้สึกตัวได้ไม่มากก็น้อย
เมื่อแท่งน้ำแข็งพุ่งเข้าใส่เขาออกไปเพียงครึ่งเมตร ในที่สุดเย่เทียนก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากนั้นเขาก็ออกแรงเคลื่อนที่ออกไปด้านข้างสองสามก้าว และหลบหลีกจากแท่งน้ำแข็งอันแหลมคมที่ยิงมาได้อย่างหวุดหวิด
“เอ๊ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่