ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 842

“ฉันเตือนนายไว้ หลู่ซีซานคือคนที่มีการหมั้นหมายแล้ว กลับมาครั้งนี้เกรงว่าคงเพื่อแต่งงาน ดีที่สุดนายอย่าคิดไปยุ่งกับหล่อน!”

ชั่วขณะหนึ่งคำพูดพวกนี้ของโข่งจื่อโถงทำให้เย่เทียนตกใจตาค้างแล้ว ตะลึงอยู่หลายวินาทีถึงตอบสนองเข้ามา รีบตามไปออกไปหน้าประตู “ไม่ใช่ ซีซานหล่อนหมั้นหมายอยู่กับใครกัน?”

แต่ทว่า เดิมทีโข่งจื่อโถงไม่ได้สนใจเย่เทียน ปัดมือแบบไม่หันหน้ากลับมา ไม่นานก็หายไปจากตรงหน้าบันไดแล้ว

ดวงตาดำมืดคู่นั้นของเย่เทียนมีแสงเย็นเฉียบแฉลบผ่าน “อย่าให้ฉันรู้นะว่าเป็นใคร ยังกล้าแย่งผู้หญิงกับฉัน ฉันรับรองว่าจะทำให้นายเสียใจแน่!”

ในใจลึกๆ เขายอมรับแล้วว่าหลู่ซีซานเป็นผู้หญิงของเขา ปัจจุบันนี้มีคนอยากแย่งผู้หญิงของเขา เขาจะไม่โกรธเคืองได้อย่างไร?

แต่พอเย่เทียนชั่งน้ำหนักดูแล้ว สุดท้ายยังเลือกที่จะปูเตียงก่อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาเดินทางมาทั้งวันเหนื่อยแทบแย่ สำหรับเรื่องนี้ที่รู้แค่งูๆ ปลาๆ ยังต้องเข้าใจครบถ้วนเสียก่อนถึงจะได้

ไม่ว่าพูดอย่างไร เย่เทียนก็นำผ้าห่มที่เหลือส่งเข้าไปให้เจี่ยซือหวี่แล้ว เมื่อปูเตียงเสร็จ วางศีรษะลงโดยตรงแล้วนอนหลับไป

เงียบงันทั้งคืน

วันต่อมารอตอนที่เย่เทียนตื่นขึ้น รู้สึกเพียงว่าปวดเมื่อยสุดจะทนไปทั้งตัว

นี่เป็นเรื่องที่ทำอะไรไม่ได้ เขาที่แต่ไหนแต่ไรเคยชินกับการนอนเตียงโซฟานุ่มๆ กลับต้องมานอนเตียงไม้แข็งๆ กะทันหัน จึงไม่สบายตัวเอาอย่างเลี่ยงได้ยาก

เย่เทียนที่เดินออกจากห้องพักมาไม่ได้ไปเคาะประตูห้องของเจี่ยซือหวี่ คิดจะลงไปข้างล่างเพื่อหาของกิน และเอาขึ้นมาส่งให้เธอพร้อม

เอี๊ยด!

ยังไม่รอให้เขาเดินออกมาสักสองก้าว ห้องพักด้านข้างของเขากลับมีคนเปิดประตูออกมา มีชายหนุ่มอายุสักยี่สิบห้ายี่สิบหกคนหนึ่งเดินออกมา

แทบจะเพียงแค่มองแวบหนึ่ง เย่เทียนก็มองออกว่าความสามารถของอีกฝ่ายไม่ด้อยเลย เกรงว่าเมื่อเทียบกับเจี่ยซือหวี่แล้ว ไม่แน่อาจยังจะแกร่งกว่าระดับหนึ่ง

นี่ทำให้เย่เทียนอดหรี่ตาขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ แอบพูดว่าเมืองเถาหยวนนี้ไม่เสียแรงที่เป็นเมืองเล็กซึ่งอยู่ห่างจากโลกบู๊มากที่สุด ยังซ่อนผู้มีความสามารถพิเศษไว้จริงๆ สินะ

ขณะเดียวกันกับที่เย่เทียนกำลังสังเกตชายหนุ่ม ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นเย่เทียนเช่นกัน ยิ้มพูดอย่างกระตือรือร้น “เพื่อน นายก็มาเข้าร่วมการแข่งชิงสิทธิ์งั้นสิ?”

เย่เทียนนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกระตือรือร้นขนาดนี้ อดไม่ได้ตะลึงไปสองวินาที จากนั้นจึงตอบสนองเข้ามา ถามแบบอยากรู้อยากเห็น “การแข่งชิงสิทธิ์อะไรกัน?”

เมื่อวานนี้เขาเคยได้ยินโข่งจื่อโถงพูดถึง เพียงแค่ติดตรงที่ต่างฝ่ายต่างความสัมพันธ์ไม่สนิทกัน เขาถึงไม่ได้สอบถามมากมายนัก เดิมทียังคิดว่าจะไปหาหลู่ซีซานแล้วทำความเข้าใจสักหน่อยดีหรือไม่ ในเมื่อชายหนุ่มกระตือรือร้นขนาดนี้ ไม่แน่คนอื่นเขาน่าจะยินยอมอธิบาย

“นายไม่รู้?”

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มตะลึงนิดหน่อย พินิจพิเคราะห์เย่เทียนจากบนลงล่างด้วยสีหน้าประหลาด “เพื่อน ในเมื่อนายไม่เข้าใจ งั้นอยู่ดีๆ นายวิ่งเข้ามาทำไม?”

“ฉันเข้ามาเยี่ยมญาติ ปู่รองของพ่อฉันป่วยแล้ว พ่อฉันแข้งขาไม่ดี เลยให้ฉันเป็นตัวแทนเขามาเยี่ยมสักหน่อย แต่ฉันก็เคยมาครั้งแรก เมื่อวานเดินมาทั้งวันขาแทบจะหลุด มองเห็นที่นี่มีโรงเตี๊ยมเลยอยากพักก่อนสักคืนแล้วค่อยว่ากัน”

ด้วยหนังหน้าที่หนาของเย่เทียน จึงแต่งเรื่องโกหกขึ้นมาแบบหน้านิ่งเฉยไม่มีพิรุธเลย

“ที่แท้นายมาเป็นครั้งแรกสินะ?”

ชายหนุ่มเดินมาข้างหน้าสองสามก้าวโอบไหล่ของเย่เทียนอย่างคุ้นเคยมาก “เจอกันคือพรหมลิขิต ฉันจิงไห่เชียนจะเล่าถึงการแข่งชิงสิทธิ์อันนี้ให้นายฟังเอง!”

เย่เทียนปรับตัวต่อความกระตือรือร้นของจิงไห่เชียนไม่ค่อยได้ จึงย่อเข่าลงเล็กน้อย ทำให้ไหล่ของตนเองหลุดออกจากในมือเขาแบบไม่ทิ้งร่องรอย

จิงไห่เชียนเก็บมือกลับอย่างหงุดหงิด ขณะเดียวกันเดินลงไป พลางอธิบายกับเย่เทียนขึ้นมา “เพื่อน นายน่าจะรู้จักโลกบู๊มั้ง? การแข่งชิงสิทธิ์นี้พูดให้ชัดๆ ก็คือการแข่งชิงสิทธิ์เข้าไปโลกบู๊!”

เย่เทียนตกใจ “หา? แม้แต่เข้าโลกบู๊ยังค้องสู้สักยกด้วย?”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!”

จิงไห่เชียนพยักหน้า “โลกบู๊ไม่ใช่ตลาดสด ที่ไม่ใช่ใครอยากเข้าไปก็เข้าไปกันได้ ระดับความเร็วการฝึกบำเพ็ญในโลกบู๊ไวกว่าด้านนอกนี้ตั้งสองเท่า สถานที่ที่ดีสำหรับคนฝึกการต่อสู้แบบพวกเราขนาดนี้มีใครไม่อยากเข้าไปบ้างล่ะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่