“ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตระกูลกัวกับตระกูลหลู่ของเราอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ ในตรงกันข้ามสำนักเหลียนหัวกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดโฉวฝันเฟยก็ทนไม่ได้!”
ข้างหูได้ยินเสียงถอนหายใจของหลู่ซูหาง ทำให้เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้นทันที “อาหลู่ ความหมายที่คุณพูด ครั้งนี้คู่ครองเหลียนหัวต้องมาที่นี่ เป็นเพราะได้รับคำสั่งจากโฉวฝันเฟยซึ่งเป็นอาจารย์ของพวกเขา เพื่อหวังจะให้คุณมอบวิชากระบี่หยินหยางให้เหรอ?”
“ถูกต้อง! แม้ว่าตอนนี้ตระกูลกัวกับตระกลูหลู่ของเราไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เป็นเพราะลูกชายของเขาสมบุกสมบันมีความมุ่งมั่งล่ะ? แน่นอนโฉวฝันเฟยก็เลยโจมตีตระกูลหลู่ของเราเป็นอันดับแรก”
หลู่ซูหางถลึงตาใส่หลู่ลี่หาว “พูดไปพูดมาก็เพราะความไม่เอาไหนของนายนั่นแหละ ไม่งั้นพ่อก็คงไม่ต้องทำให้พี่สาวของแกต้องลำบาก?”
“ผม……”
หลู่ลี่หาวก้มหน้าด้วยความละอายใจ
“ซีซาน นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมพ่อจะต้องให้เธอแต่งงานกับกัวหมิงเลี่ยง”
หลู่ซูหางมองไปที่หลู่ซีซานด้วยความรู้สึกผิด และอธิบายว่า “ประการแรก การที่ลูกแต่งงานไปอยู่ตระกูลกัวมันสามารถทำให้ตระกูลหลู่กับตระกูลกัวมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้น เพื่อความสามัคคีร่วมมือกันต่อต้านสำนักเหลียนหัว ประการที่สอง ด้วยพรสวรรค์ของกัวหมิงเลี่ยง ขอเพียงให้เวลาเขาไม่กี่ปี ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเกี่ยวกับการข่มขู่ของสำนักเหลียนหัวอีกต่อไป และยังสามารถปกป้องตระกูลกัวให้รุ่งโรจน์เป็นเวลาห้าสิบปีไม่มีล้ม!”
หลู่ซูหางพุ่งความสนใจไปที่เย่เทียน พูดอย่างไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า “ตอนนี้มาพูดเรื่องนี้มันก็ไร้ประโยชน์ เสี่ยวเทียน อายุแค่นี้คุณก็สามารถเป็นถึงแดนระดับฟ้า อนาคตตระกูลหลู่ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะ!”
“ห๊ะ?!”
ทันใดนั้นเย่เทียนก็ตกตะลึง โดยไม่เข้าใจความหมายที่หลู่ซูหางพูดแม้แต่น้อย
“บอกคุณตามตรง ก่อนที่คุณจะมาถึง กัวหมิงเลี่ยงก็เคยมาที่นี่”
หลู่ซูหางส่ายหัวเล็กน้อย และพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “นอกจากเขาจะมายกเลิกการหมั้นแล้ว เขายังมีข้อเสนออีกข้อด้วย”
“เนื่องด้วยสำนักเหลียนหัวคอยที่จะจ้องเขมือบพวกเราสองตระกูล เขาเสนอให้ฉันจัดอันดับของการแข่งขันรอบคัดเลือกนี้ เพื่อตัดสินว่าตระกูลใครจะได้เป็นผู้นำ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ตระกูลใครอยู่อันดับแรก อีกฝ่ายต้องมอบสมบัติที่ได้มาในตอนนั้นให้กับอีกฝ่าย!”
เย่เทียนตระหนักใน มิน่าล่ะหลู่ซูหางได้เปลี่ยนทัศนคติหลังจากรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเอง อารมณ์ความรู้สึกนี้ถึงจะเป็นประเด็นสำคัญ!
แม้ว่าในใจจะรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย แต่หลังจากที่รู้ว่ากัวหมิงเลี่ยงยอมถอนหมั้นกับหลู่ซีซาน อย่างน้อยก็รู้สึกก็โล่งใจ และพูดอย่างจนปัญญาว่า “คุณอาหลู่ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากช่วย แต่ตอนนี้พลังในร่างกายของผม……”
ก่อนที่เย่เทียนจะพูดจบ หลู่ซูหางก็โบกมือเพื่อขัดจังหวะ “เรื่องนี้คุณวางใจได้ สถานการณ์ของคุณฉันพอจะเข้าใจในระดับหนึ่ง ตระกูลหลู่ของฉันยังคงมีฐานที่มั่นคงอยู่บ้าง แม้ว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาของคุณได้เต็มที่ แต่การปราบปรามในระยะสั้นก็คงไม่น่ามีปัญหา”
เขาในฐานะพ่อ ทำไมจะไม่อยากให้ลูกสาวมีความสุขล่ะ? ดังนั้นหลังจากเขาได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเย่เทียนจากปากของกัวหมิงเลี่ยงแล้ว เขาจึงส่งคนไปสืบประวัติเย่เทียน แม้ว่าข่าวจากในโลกมนุษย์ธรรมดายังต้องใช้เวลาพอสมควร แต่เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากเย่เทียนมาเมืองเถาหยวนแล้วเขาก็รู้อย่างชัดเจน
เมื่อเขารู้ว่าฝีมือการต่อสู้ระหว่างเย่เทียนกับกัวหมิงเลี่ยงนั้นสูสีกัน เขายังไม่ค่อยเชื่อนัก แต่เมื่อเห็นมากับตาตัวเองการต่อสู้ระหว่างเย่เทียนกับอาสี่ โดยพื้นฐานแล้วเขาได้ยอมรับลูกเขยในอนาคตอย่างเย่เทียนแล้ว ไม่งั้นเขาจะบอกเรื่องทั้งหมดนี้ให้เย่เทียนทำไมล่ะ?
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เย่เทียนกลับสังเกตเห็นประเด็นสำคัญของปัญหา และถามด้วยความอยากรู้ “อาหลู่ ขอเสียมารยาทถามหน่อย คุณอยู่ในแดนไหน?”
“ฉันเหรอ ก็แค่สูงกว่าคุณนิดหน่อย”
หลู่ซูหางยิ้มอย่างมีความหมาย และเปลี่ยนเรื่องพูด “เสี่ยวเทียน ในเมื่อคุณทำร้ายคู่ครองเหลียนหัวจนบาดเจ็บ ไม่งั้นคุณก็อย่าพึ่งกลับไปเลย พักอยู่ที่นี่สักพักรอการแข่งขันรอบคัดเลือกเริ่มเถอะ!”
“อาหลู่ ไม่เป็นไรหรอก ผมพักที่โรงเตี๊ยมก็สบายดี”
เย่เทียนมีหรือจะไม่รู้ความกังวลของหลู่ซูหาง แต่เขาก็ยังคงส่ายหัวเพื่อปฏิเสธ
เพราะยังไง ข่งเทียนหยินก็ดีต่อเขาไม่น้อย แม้ว่าถ้าจะมาพักตระกูลหลู่ ก็ต้องกลับไปบอกกล่าวให้เขาทราบก่อนไม่ใช่หรือ?
หลู่ซูหางพยักหน้า และกำชับว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ฝืนใจคุณ แต่หลายวันนี้คุณต้องรอบคอบและระวังตัวให้ดีนะ!
ต่อมาทุกคนต่างก็พูดคุยเรื่องอื่นๆ จนเย่เทียนบอกลาและจากไป หลู่ซูหางก็ให้คนใช้นำขวดยาเล็กๆมาหนึ่งขวด ยาที่อยู่ในนั้นแน่นอนเป็นยาที่สามารถทำให้พลังงานทั้งสองอย่างในร่างกายไม่ให้ปะทะกันได้ชั่วคราว ดูจากท่าทีที่อิจฉาของหลู่ลี่หาว เกรงว่าราคาของเม็ดยานี้คงสูงมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่