มองดูประตูที่ปิดสนิทของตระกูลหลู่ที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นก็มองไปที่หน้าประตูที่มีรปภ.เพิ่มมาอีกหลายคน จินไห่เซวียนก็มีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะถามเย่เทียนที่อยู่ข้างๆ “พี่เย่ พวกคุณอยู่ข้างในพูดเรื่งอะไรกันเหรอ? ทำไมทันทีที่เราจากไป ตระกูลหลู่ก็เข้าสู่กฎอัยการศึกทันที?”
“ขอโทษที่ผมไม่สามารถบอกคุณได้”
เย่เทียนส่ายหัวอย่างจนปัญญา และพูดอย่างขมขื่นใจ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ผมไม่อยากให้คุณต้องมาเดือดร้อนด้วย คุณก็ไม่ต้องถามอีก”
นี่ก็เป็นจนปัญญาจริงๆ เขาไม่สามารถบอกความจริงกับจินไห่เซวียน การแข่งขันรอบคัดเลือกครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการทดสอบคุณสมบัติเพื่อเข้าสู่โลกบู๊เท่านั้น มันพัวพันถึงสำนักเหลียนหัวกับตระกูลกัวและตระกูลหลู่การแย่งชิงของทั้งสามตระกูล?
“โอ้?!”
จินไห่เซวียนตกตะลึง และมองไปที่เย่เทียนด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง และก็เข้าใจเลยไม่ถามต่อ และกลับไปที่โรงเตี๊ยมอย่างสงบ
ใช้เวลาไม่นาน ทั้งสองก็กลับไปถึงโรงเตี๊ยมไฉ่สิ่ง พอเดินเข้าไป ก็ชนกับข่งเทียนหยินที่ดูเหมือนกำลังจะออกไป
มองไปที่รอยแผลบนใบหน้าของเย่เทียน ข่งเทียนหยินขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ถูกไล่ออกมาเหรอ?”
“เจ้าคนโลภโข่ง ไม่ได้เจอกันหลายปี คุณอ้วนขึ้นมากเลยนะ! ดูเหมือนว่าชีวิตความเป็นอยู่ไม่เลวนะ!”
ก่อนที่เย่เทียนจะตอบสนอง ก็มีน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์ของผู้ชายดังขึ้นจากด้านหลัง
มองไปตามเสียง เห็นเพียงคนสวมชุดเต้าผิวสีดำ เป็นชายวัยกลางคนในมือถือแส้จามรีอมยิ้มและค่อยๆเดินเข้ามาใกล้
ข้างๆซึ่งอยู่ห่างเขาประมาณสองก้าว และยังมีชายหนุ่มที่ติดตามซึ่งสวมชุดเต้าผาวเหมือนนกัน แบกของซึ่งมีรูปสี่เหลี่ยมที่ห่อด้วยผ้า ดูจากรอยเท้าแล้ว สิ่งที่แบกไว้นัันคงจะหนักมาก
บนใบหน้าของข่งเทียนหยินปรากฏรอยยิ้มเช่นกัน “หือ? นักพรตชิงเฟิง ตามหลักนิสัยของคุณ น่าจะเป็นพรุ่งนี้ถึงจะมาไม่ใช่เหรอ? ครั้งนี้ทำไมถึงมาเร็วกว่าหนึ่งวันล่ะ?”
ในเวลานี้ มีนักพรตสองคนก็เดินเข้ามา และนักพรตที่ชื่อชิงเฟิงก็ยิ้มและพูดว่า “ก็เพราะว่ารับลูกศิษย์ไว้คนหนึ่ง คิดว่ามาเร็วหนึ่งวันเพื่อพาเขามารู้จักผู้คน”
ชิงเฟิงก็หันหัวกลับมาอีกครั้ง พูดกับนักพรตหนุ่มว่า “เสวียนเฉิง มานี่สิมาทักทายหน้าเงินแก่หน่อย”
นักพรตหนุ่มที่มีชื่อว่าเสวียนเฉิงเดินออกมาทันที และพูดด้วยท่าทีที่เคารพ “ผู้น้อยเสวียนเฉิงขอสวัสดีท่านผู้อาวุโสครับ”
"ดี ดี! "
ข่งเทียนหยินหัวเราะฮ่าฮ่า " นักพรตชิงเฟิง ดูเหมือนว่าปีนี้คุณคงไม่ได้ว่างเลยนะ! ถ้าฉันมองไม่ผิด เด็กคนนี้น่าจะอยู่ที่แดนระดับดินสินะ?”
ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา ทันใดนั้นชายหนุ่มทั้งสามคนรวมทั้งเย่เทียนต่างก็สะดุ้งตกใจ
เย่เทียนกับจินไห่เซวียนทั้งสองคนต่างก็คิดไม่ถึงว่าเสวียนเฉิงคนที่อยู่ตรงหน้าที่มีอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปีจะอยู่ในแดนระดับดินพรสวรรค์นี้ถ้าเทียบกับกัวหมิงเลี่ยงคาดว่าคงไม่แตกต่างกันมากนัก?
สำหรับเสวียนเฉิง เขากลับตกใจกับพลังความแข็งแกร่งของข่งเทียนหยิน แค่ประโยคเดียวข่งเทียนหยินก็สามารถพูดฐานการฝึกฝนของเขาได้ถูกต้อง แสดงให้เห็นว่าข่งเทียนหยินนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
นักพรตชิงเฟิงยิ้มอย่างถ่อมตน แต่สีหน้าแห่งความภาคภูมิใจ เห็นได้ชัดว่าสามารถดึงเสวียนเฉิงมาอยู่ภายใต้สังกัด เขายังคงภาคภูมิใจมาก
“เจ้าคนโลภโข่ง คุณชมเกินไปแล้ว”
ชิงเฟิงริเริ่มเปลี่ยนเรื่องก่อน มุ่งความสนใจไปที่เย่เทียนกับจินไห่เซวียน และลองเชิงถาม “เจ้าคนโลภโข่ง สองท่านนี้ ไม่ทราบว่าคนไหนเป็นลูกเขยของคุณ?”
“นักพรตชิงเฟิง นิสัยของลูกสาวผมคุณไม่ใช่ไม่รู้ น้ำชาของลูกเขยผมคงไม่ได้ดื่มเร็วขนาดนั้นหรอก!”
ข่งเทียนหยินส่ายหัวอย่างจนปัญญา แนะนำว่า “ฉันขอแนะนำให้รู้จัก ท่านนี้คือนักพรตชิงเฟิงที่มาจากสำหนักใหญ่สำนักซานชิง”
หลังจากหยุดครู่หนึ่ง ข่งเทียนหยินก็ชี้ไปที่จินไห่เซวียนและแนะนำ “เขาคือลูกชายคนเล็กของเหล่าจินจื่อชื่อจินไห่เซวียน “
จินไห่เซวียนรีบทักทายด้วยความเคารพ “ท่านผู้อาวุโสชิงเฟิง สวัสดีครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่