ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 107

หลิ่วเหมยอู่หายใจเข้าหนึ่งครั้ง และแสร้งทำเป็นใจดี "ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นี้ก็เป็นอีกหนึ่งชีวิตเช่นกัน เขาได้รับบาดเจ็บถึงได้ถลันเข้ามาที่สวนดอกพุดตานของเรา ข้าไม่อาจจะเมินเฉยต่อเขา ทั้งนี้หากว่าเขาตายไป งั้นเราก็ไม่บาปหรือ"

"แต่ว่าชายหญิงมีความแตกต่าง หากถูกจับได้ ท่านแม่ทัพคงจะไม่เชื่อใจข้าแล้ว ดังนั้นเจ้าต้องช่วยข้าปิดปากให้เงียบ เข้าใจหรือไม่?"หลิ่วเหมยอู่มองตรงไปที่เซียงหลิง เห็นว่าเซียงหลิงเกิดการหวาดกลัวขึ้น "ไม่เช่นนั้น เจ้าและข้าต้องถึงคราตายแน่ๆ และแน่นอนสิ่งแรกที่ท่านแม่ทัพจะฆ่าให้ตายต้องเป็นเจ้า"

ตอนนี้คนก็ได้ช่วยไว้แล้ว ยังสามารถจะทำอะไรได้อีก เซียงหลิงได้แต่พยักหน้า แต่นางคงไม่อยากเอาชีวิตน้อยๆ ไปเสี่ยงเพื่อคนแปลกหน้า

เซียงหลิงกล่าว "แต่หากว่าท่านแม้ทัพเกิดมาที่สวนดอกพุดตาน......."

เรื่องมาถึงตอนนี้หลิ่วเหมยอู่ก็ไม่สามารถคืนดีกับฉินหรูเหลียงเหมือนก่อนได้อีกแล้ว นางกล่าว "พรุ่งนี้เจ้าบอกคนนอกว่า ข้าเป็นโรคอีสุกอีใส"

โรคอีสุกอีใสสามารถติดต่อได้ อย่างนี้ก็ไม่อาจมีใครกล้าเข้ามาที่สวนดอกพุดตานแล้ว หลิ่วเหมยอู่ก็มีเหตุผลที่จะไม่ต้องออกไปจากสวนดอกพุดตาน

หากว่าฉินหรูเหลียงต้องการมาที่สวนดอกพุดตาน.......อาจจะถูกผู้ดูแลในจวนและพวกบ่าวอาวุโส ห้ามไว้

หลิ่วเหมยอู่บอกให้เซียงหลิงอย่าเพิ่งรีบร้อนไปเรียนท่านหมอ

รอให้หลิ่วเฉียนเฮ้อฟื้นขึ้นมา หลิ่วเหมยอู่รู้ว่าเขาร่างกายอ่อนแอมาก จึงงพูดว่า "บาดแผลของท่านพวกเราเพียงแค่สามารถจัดการได้แค่นิดหน่อย หากต้องการอยากจะดีขึ้นเร็วๆ จำเป็นต้องเชิญท่านหมอมา แต่ว่าท่านหมอในจวนของท่านแม่ทัพไม่อาจจะเรียกมาได้ตามสบาย มิฉะนั้นจะถูกเปิดเผยได้ง่าย"

นางจ้องมองไปที่หลิ่วเฉียนเฮ้อ กล่าวอย่างชัดเจน "พี่ชาย ท่านอยู่ข้างนอกอาจจะรู้จักหมอบ้าง หรือว่าท่านบอกชื่อร้านยามา เพียงแค่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับจวนแม่ทัพ ข้าจะให้เซียงหลิงไปเชิญตัวมา"

หลิ่วเฉียนเฮ้อบอกาสถานที่ที่หนึ่ง เซียงหลิงก็รีบเดินทางไปเชิญหมอ

หมอท่านนั้นคนป่วยในมือส่วนมากเป็นคนที่ไปทั่วทุกหัวระแหง ปกติกิจการร้านยาเต็มไปด้วยความยากลำบาก และก็ไม่เป็นจุดสนใจของคน

เซียงหลิงบอกคนนอกว่าหมอท่านี้รักษาโรคอีสุกอีใสได้เป็นอย่างดี มีแต่สิ่งนี้เท่านั้นถึงทำให้ผู้ดูแลจวนอนุญาตให้หมอท่านนี้สามารถเข้าออกจวนเพื่อรักษาโรคให้หลิ่วเหมยอู่ได้

ผู้ดูแลในระหว่างสอบถามอยู่นี้ ท่านหมอได้รับผลประโยชน์แล้ว กล่าวคำลาตามที่ได้เตรียมไว้ กล่าวอาการป่วยเป็นโรคอีสุกอีใสของหลิ่วเหมยอู่นิดหน่อย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีคนสงสัย

นายหญิงยังสั่งไว้ เพื่อป้องกันการติดต่อ นอกจากบ่าวที่อยู่ข้างกายหลิ่วเหมยอู่ คนอื่นๆ ก็ห้ามไม่ให้เข้าไปในสวนดอกพุดตาน

คนในจวนมีหลายคน หากติดต่อไปหนึ่งไปสองไปสามถึงตอนนั้นคงไม่ดีแน่

เฉินเสียนกำลังทานอาหารเช้า ได้ฟังอวี้เยี่ยนกล่าว "ตระกูลหลิ่วได้ทำชั่วไว้มาก ในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้รับกรรมแล้ว ในสวนพุดตานเงียบเหงามาก ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปใกล้"

เฉินเสียนเลิกคิ้วเอ่ย "ปกติก็ไม่มีคนไปที่นั่นไม่ใช่รึ"

เล่ากันว่าหลิ่วเหมยอู่ชอบความเงียบสงบ ก่อนหน้านั้นอยู่กับฉินหรูเหลียงก็ไม่ต้องการให้ใครมารบกวน แต่สวนพุดตานได้จัดให้สาวใช้ไปหนึ่งคน

อวี้เยี่ยนหน้าบานเป็นกระด้งกล่าว "แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิม อย่างไรก็ตามสวนพุดตานทั้งในทั้งนอกก็เต็มไปด้วยความเงียบเหงา ก่อนนั้นไม่มีใครกล้า แต่ตอนนี้ไม่มีใครยินยอม แม้แต่เซียงหลิงจะออกไปที่ห้องครัวหาอาหารอะไรกิน ก็ถูกทุกคนหลบออกไปห่างๆ"

นางได้เอาข้าวต้มให้เฉินเสียนหนึ่งชาม และกล่าวว่า "ได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพกลับมาหนึ่งครั้งช่วงเช้ามืด พักผ่อนได้ไม่นานก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไป บาดแผลที่ด้านหลังนั้นได้ทำให้เสื้อเปื้อนเลือดแดงๆ แม้แต่เวลาจะไปหาท่านหมอก็ยังไม่มี"

เฉินเสียนกล่าว "องค์จักรพรรดิได้ให้เวลาเขาเพียงสามวันไปค้นหามือสังหาร เขาจะหาเวลาไปหาหมอได้เช่นไร"

อวี้เยี่ยนพูดขึ้น "ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กระดาษไม่อาจจะห่อไฟได้ ทำได้เพียงแค่ให้คนไปสอดแนม เห็นได้ชัดว่าการลงโทษท่านแม่ทัพไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลิ่ว"

"คนเก่าแก่ที่อยู่ในจวน แม้แต่แม่บ้านจ้าวถึงโกรธแต่มิกล้าที่จะพูดออกมา ตอนนี้ที่ตระกูลหลิ่วเกิดโรคอีสุกอีใสแล้ว ทุกคนก็เมินเฉยและละเลยจนรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บ"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี