ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 211

สรุปบท บทที่ 211 ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา: ข้าคือหงส์พันปี

ตอน บทที่ 211 ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา จาก ข้าคือหงส์พันปี – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 211 ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายInternet ข้าคือหงส์พันปี ที่เขียนโดย เฉียน หราน จวิน เสี้ยว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หากไม่สังเกตดีๆ คงถูกใบหน้าอันโศกเศร้าของเขาหลอกได้โดยง่าย แต่ความเฉยเมยในแววตาคู่นั้นหลอกเฉินเสียนไม่ได้

เฉินเสียนออกไปพร้อมกับคนของเธอหลังจากเสร็จสิ้นการเคารพศพ

ในขณะนั้นเอง คนต่อไปก็เข้ามา

เฉินเสียนได้ยินเสียงที่แจ้งขึ้นมาอย่างชัดเจนไม่ผิดเพี้ยน “ท่านบัณฑิตซูมาไว้อาลัย”

เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน ภายใต้ท้องฟ้าที่สวยงามสดใส สายลมเย็นและแสงจันทร์เจิดจ้า เมื่อเห็นบุคคลที่เดินเข้ามา ดวงตาของเธอก็วูบไหว

เขายังคงสวมชุดไว้ทุกข์สีดำ เส้นผมดำยาวถูกรวบไว้ที่ด้านหลัง ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง และเขาก็ไม่คิดว่าจะพบกับเฉินเสียนที่หน้าทางเข้าโถงไว้ทุกข์

ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นเขาขยับตัวไปด้านข้าง จากนั้นจึงโค้งคำนับเฉินเสียนค้างไว้โดยไม่เงยหน้าขึ้นมา

ดูเหมือนภายในโถงไว้ทุกข์จะเงียบสงัดลง สายตาที่อยู่ทั้งข้างในและข้างนอกต่างมองมาที่ภาพภาพนี้

กล่าวได้ว่าสำหรับพวกเขา การได้เห็นบัณฑิตและองค์หญิงปรากฏตัวพร้อมกันดั่งศัตรูที่หลบหน้ากันไม่พ้นเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากยิ่ง

เฉินเสียนจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้เลยว่าบรรยากาศที่เกิดขึ้นต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร

แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้เสียมารยาท เธอชายตามองซูเจ๋อและให้พรเล็กน้อยอย่างสง่างามและมีเกียรติ ความแปลกแยกเป็นที่ประจักษ์ และเธอก็เดินผ่านเขาไปพร้อมกับผู้ติดตามของเธอ

เฉินเสียนขมวดคิ้วอย่างสับสน เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเขาเสมอและขจัดมันออกไปไม่ได้

ซูเจ๋อยังคงรักษากิริยาอันนอบน้อมไว้จนกระทั่งอวี้เยี่ยนและเฮ่อโยวเดินผ่านเขาไป

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมเล็กน้อย

จนเมื่อคนของจวนตระกูลเฮ่อเตือนขึ้นมาว่า “ใต้เท้าซูเข้าไปได้”

ซูเจ๋อจึงจะยืดตัวขึ้นและก้าวเข้าไปในโถงไว้ทุกข์

หลังกลับจากการไปเคารพศพ เฮ่อโยวก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เฉินเสียนเอ่ยอย่างไม่แยแสว่า “เจ้าคุ้นเคยกับจวนตระกูลเฮ่อดีแล้ว คืนนี้เราค่อยมากันใหม่ การหาหลักฐานในตัวท่านย่าของเจ้าขึ้นอยู่กับเจ้า”

เฮ่อโยวเงยหน้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขามองเฉินเสียนอย่างแน่วแน่

เฉินเสียนกล่าวว่า “ข้าจะจัดการปัญหาเรื่องคนเฝ้าศพที่โถงไว้ทุกข์เอง เจ้าเพียงแค่เข้าไปหาท่านย่าของเจ้า เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ ต่อให้ถูกจับได้อีกแล้วอย่างไรล่ะ อย่างมากก็แค่ถูกทุบตีและโยนออกมานอกจวนอีกครั้ง ยังจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีก”

เฮ่อโยวกลั้นน้ำตา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพยักหน้าหงึกหงัก “ตกลง เอาตามนี้”

เมื่อถึงยามค่ำ ทั้งสองคนก็เปลี่ยนเป็นชุดที่ทะมัดทะแมง

เฉินเสียนถอดเครื่องประดับผมและเครื่องประดับเสื้อผ้าที่ยุ่งยากออก เธอรวมผมเป็นมวยสูง ดูองอาจผึ่งผายเป็นอย่างยิ่ง

เฮ่อโยวพาเธอคลำทางในความมืดเข้าไปใกล้จวนตระกูลเฮ่อ

ขณะนั้นภายในจวนตระกูลเฮ่อมีแสงไฟแค่เพียงริบหรี่และถูกปกคลุมไปด้วยความสลัว

เฮ่อโยวและเฉินเสียนตรงไปที่กำแพงรั้วหลังเรือน หาจุดที่เฮ่อโยวเคยปีนเมื่อก่อนหน้านี้และเตรียมปีนข้ามรั้วเข้าไป

เมื่อก่อนเฮ่อโยวมักจะออกไปเล่นสนุกอยู่ข้างนอกจนลืมเวลา เขาจึงใช้วิธีปีนเข้ามาแบบนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษ

เฮ่อโยวบอกว่าด้านในกำแพงจุดนี้เป็นแนวต้นไม้ จึงใช้เป็นที่อำพรางได้อย่างดีและจะไม่ถูกพบได้ง่ายๆ

เฉินเสียนยังไม่เคยทำอะไรเช่นนี้

ทว่าเมื่อเห็นเฮ่อโยวปีนขึ้นไปอย่างชำนาญโดยอาศัยความคุ้นเคย เธอเองซึ่งมีกำลังมากพอ จึงปีนขึ้นไปบนกำแพงได้อย่างง่ายดาย

เฮ่อโยวที่ปีนขึ้นไปอยู่บนกำแพงตั้งใจจะหันกลับมาช่วยดึงเฉินเสียน แต่ไม่คิดว่าเฉินเสียนจะขึ้นมานั่งอยู่บนกำแพงเรียบร้อยแล้ว เขาตกใจจนเกือบจะตกลงไปข้างล่าง

เกิดเสียงสวบสาบขณะที่ทั้งสองคนปีนต้นไม้ลงมาจากกำแพง เฮ่อโยวกล่าวว่า “เมื่อก่อนตอนเพิ่งฝึกปีนกำแพงข้าตกลงมาบ่อยมาก ท่านเรียนรู้มันได้อย่างไรรึ”

เฉินเสียนตอบไปส่งๆ ว่า “คงเป็นเพราะข้ามีไหวพริบสูงกระมัง”

เมื่อเข้าไปในจวนตระกูลเฮ่อ เฮ่อโยวก็พาเฉินเสียนเดินหลีกเลี่ยงคนที่คอยเดินตรวจตราไปที่โถงไว้ทุกข์อย่างเงียบเชียบ

เฉินเสียนไม่ค่อยกังวลนักว่าจะถูกพบ เพราะเห็นได้ชัดว่าเฮ่อโยวมีประสบการณ์ในการทำเช่นนี้อย่างโชกโชน ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่เขาแอบกลับบ้าน เขาทำแบบนี้มากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

เฮ่อโยวบอกว่าเมื่อก่อนเขาไม่รู้จักคิด ไม่รู้ว่าควรทะนุถนอมสิ่งที่มีอย่างไร จนถึงตอนนี้เขาแอบกลับมาอีกครั้งเพื่อจะรับรู้ว่าสิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปแล้ว และมันไม่มีทางหวนกลับคืน

เฮ่อโยวกล่าวว่า “ขอบคุณ”

เฉินเสียนยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “เจ้ากับข้าไม่จำเป็นต้องพูดคำว่าขอบคุณ”

สายลมยามค่ำคืนพัดมาและทำโคมไฟสีขาวที่อยู่นอกโถงไว้ทุกข์สั่นไหว เฉินเสียนกอดอกและรู้สึกเย็นเล็กน้อย

ภายในห้องโถงไว้ทุกข์เงียบสงัด เงียบจนเฉินเสียนที่ยืนอยู่ข้างนอกได้ยินเสียงร้องไห้เบาๆ ที่ทั้งน่าสงสารและน่าเศร้าของเฮ่อโยวดังมาจากข้างใน

เฉินเสียนไม่ต้องการไปรบกวนเขา เธอเพียงแต่หวังว่าเขาจะจัดการเวลาที่มีอยู่ให้ดี

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่เห็นเฮ่อโยวกลับออกมา เฉินเสียนกำลังจะเข้าไปเตือนเขา แต่นึกไม่ถึงว่าทันทีที่หันหลังกลับ เธอจะได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังแว่วมาจากทางด้านหลัง

เธอมีปฏิกิริยาที่ว่องไวและสังเกตเห็นสิ่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว

เฉินเสียนหันกลับไปทันที เธอใจหายวูบ

มีร่างหนึ่งประชิดเข้ามาใกล้เธอแล้วจริงๆ เธอยังไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายและโจมตีออกไปโดยอัตโนมัติ พยายามยื้อเวลาและระยะห่างให้ตัวเองเพื่อหลบหนี

แต่อีกฝ่ายรู้ทางเธอดี ไม่เพียงแต่เธอจะหนีไม่พ้น แต่เธอยังไม่ใช่คู่มือของเขาอีกด้วย

หลังจากรับมืออยู่หลายวิธี เฉินเสียนก็ถูกเขาบังคับให้ต้องถอยร่น และทั้งสองก็ยิ่งเข้ามาชิดกันมากขึ้น

เมื่อมีแสงสลัวจากโคมไฟส่องเข้ามา เฉินเสียนจึงเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาได้ชัดเจน

ซูเจ๋อ

ลมหายใจของเขาประหนึ่งน้ำค้างแข็งและไอหมอก ซึ่งถาโถมเข้ามาปกคลุมเฉินเสียนทันทีที่พบช่องโหว่

ซูเจ๋อเอ่ยอย่างปราศจากอารมณ์ว่า “ไม่ใช่ว่าเคยบอกท่านไปแล้วหรือ ว่าการใช้กระบวนท่าตรงๆ แบบนี้ไม่มีทางเอาชนะข้าได้”

เฉินเสียนกำลังจะพูดบางอย่าง แต่แล้วกลับต้องตกใจอีกครั้ง

เวลานี้เธออยู่ที่โถงกลาง และในตอนนี้ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกห้องโถงอีกครั้ง ซึ่งเสียงนั้นกำลังตรงมาทางนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี