เฉินเสียนพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ และเอ่ยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “เขาเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันหรือ”
“ใช่เพคะ บ่าวเองก็รู้สึกว่าเหลือเชื่ออยู่เหมือนกัน เมื่อก่อนเขาเป็นสุภาพบุรุษที่สุภาพและสง่างาม ไม่คิดว่าจะมีด้านที่ไม่มีผู้ใดรู้เช่นนี้ด้วย”
อวี้เยี่ยนเข้ามากระซิบใกล้ๆ อย่างมีลับลมคมใน “ได้ยินมาว่าเขาชอบไปที่หอฉู่อวี้ด้วยเพคะ”
เฉินเสียนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
อวี้เยี่ยนใส่สีตีไข่ไปอีกว่า “ได้ยินว่าเขาชอบไปที่หอฉู่อวี้เพื่อหาความสุขกับคณิกาหนุ่ม”
เฉินเสียนอยากจะซุบซิบกับอวี้เยี่ยนมากจริงๆ แต่น่าเสียดายที่จินตนาการของเธอมีจำกัด และเธอนึกภาพไม่ออกจริงๆ
เธอรู้ว่าซูเจ๋อเคยไปที่หอฉู่อวี้ แต่เรื่องซุบซิบนินทาจากภายนอกที่เธอได้ยินเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องไร้สาระ
อวี้เยี่ยนยังพูดต่ออีกว่า “บ่าวยังได้ยินมาอีกว่า กลางดึกคืนหนึ่งเขากลับไปที่เรือน ที่คอของเขามีรอยฟันของคณิกาหนุ่มด้วยเพคะ!"
เฉินเสียนวางหนังสือลง เปลือกตาของเธอกระตุก “คืนไหน”
อวี้เยี่ยนคิดมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว นางตอบว่า “บ่าวรู้ว่าองค์หญิงคงจะไม่เชื่อและจะถามรายละเอียดในวันนั้น ดังนั้นบ่าวจึงไปสอบถามรายละเอียดมาด้วย มันเกิดขึ้นในคืนที่องค์หญิงกับคุณชายรองเฮ่อแอบเข้าไปในจวนตระกูลเฮ่อเพคะ!”
“อ้อ” เฉินเสียนเอ่ยเพียงเท่านั้นและไม่ได้ออกความเห็นใดๆ
คืนนั้นเธอน่าจะโกรธและกังวลมากจนกัดเขาไป
หลังจากนั้นเธอจึงกล่าวเสริมว่า “โลกภายนอกช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”
“ไม่มีลมไหนเลยจะมีคลื่น องค์หญิง บุคคลที่ศีลธรรมเสื่อมเสียเช่นนี้ไม่คู่ควรที่องค์หญิงจะคิดถึงเลยเพคะ” อวี้เยี่ยนเอ่ยอย่างขุ่นเคือง
“ดูเหมือนเจ้าจะโกรธยิ่งกว่าข้าเสียอีก”
“บ่าวโกรธที่เขาทำให้ผิดหวัง เขาทำให้ความรู้สึกขององค์หญิงสูญเปล่า! คนแบบนี้องค์หญิงควรลืมไปเถิดเพคะ!”
อารมณ์ของเฉินเสียนเริ่มสงบลงแล้ว
เมื่อสวนแอพริคอตเริ่มออกผลในเดือนห้า ก็มีข่าวร้ายมาจากทางใต้ซึ่งทำลายความสุขสงบร่มเย็นที่มีมาอย่างยาวนานของเมืองหลวง
การสู้รบระหว่างต้าฉู่และเย่เหลียง ต้าฉู่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ในการรบครั้งสุดท้ายมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยศพ
ตามรายงานการรบครั้งล่าสุด ระหว่างการรบครั้งนี้แม่ทัพใหญ่ได้รับบาดเจ็บและตกจากหลังม้า หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
แต่ในสนามรบนั้นไร้ความปรานี แม้ในขณะนี้จะยังไม่พบร่างของแม่ทัพใหญ่ แต่มีโอกาสมากที่เขาจะเสียชีวิตไปแล้วในสนามรบ
ทันทีที่ข่าวนี้มาถึง ในราชสำนักก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
จักรพรรดินั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรและนิ่งไปอยู่พักใหญ่ๆ
เมื่อได้สติกลับมาพระองค์ก็พิโรธอย่างหนัก และตรัสว่า “ข้าจะพูดได้อย่างไรว่าแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งต้าฉู่ตายในสนามรบ! ถ้ายังหาไม่พบก็ต้องหาให้พบ พลิกหาศพทุกศพให้ทั่ว ข้าจะต้องได้เห็นเขาไม่ว่าจะเขายังมีชีวิตหรือเป็นศพก็ตาม!”
ไม่มีใครรู้เลยว่าฉินหรูเหลียงเสียมือไปแล้วข้างหนึ่ง เมื่ออยู่ในสนามรบเขาคงจะต้องพบเจอกับข้อจำกัดอย่างมาก
สิ่งที่จักรพรรดิสนใจไม่ใช่ชีวิตเล็กๆ ของเขา แต่พระองค์สนใจผลการแพ้ชนะของสงครามระหว่างสองอาณาจักรและความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของอาณาจักรต้าฉู่
ถ้าหากแม่ทัพถูกฆ่าตายในสนามรบ ต้าฉู่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? นับประสาอะไรจะไปปราบปรามเย่เหลียงในอนาคต
เมื่อข่าวแพร่มาถึงจวนแม่ทัพ ทุกคนในจวนต่างตื่นตระหนก
เมื่อหลิ่วเหมยอู่ซึ่งถูกกักขังอยู่ภายในสวนดอกพุดตานมาโดยตลอดได้ยินเซียงหลิงพูดถึงเรื่องนี้ นางก็ทนไม่ไหว รีบวิ่งไปที่สวนสระวสันตฤดูและร้องไห้ตีโพยตีพายยกใหญ่
จะว่าไปเฉินเสียนก็ไม่ได้เห็นหน้าหลิ่วเหมยอู่มาหลายเดือนแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...