ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 231

ซูเจ๋อมองเธอด้วยแววตาที่ลุ่มลึก เขายกมือขึ้นทัดผมให้เธออย่างอ่อนโยน แล้วจึงพูดขึ้นว่า : "ท่านจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าข้ามาเพราะอะไร"

"ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าการเจรจาสันติภาพครั้งนี้จะล้มเหลว แล้วท่านเคยคิดหรือเปล่าว่าท่านอาจจะต้องโทษได้ หลังจากที่ท่านกลับไปแล้ว ท่านยังกลับไปเป็นบัณฑิตที่ปลอดภัยไร้กังวลได้อีกหรือไม่?" เฉินเสียนถามขึ้นด้วยเสียงลอดไรฟัน

ซูเจ๋อตอบกลับไปว่า : “ไม่เคยคิด”

เฉินเสียนพูดขึ้นด้วยความโมโห : “งั้นท่านก็ควรจะไปคิดพิจารณาให้ดี”

ซูเจ๋อเห็นสีหน้าท่าทีที่ทั้งเครียดและร้อนใจเป็นกังวลของเธอ ราวกับว่าจะระเบิดในวินาทีถัดไปยังไงอย่างงั้น

เขาจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : "อย่าโมโหเลย โมโหแล้วผมขาวจะงอกนะ ท่านให้ข้าไปคิดพิจารณาดีๆ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว สู้สงบจิตสงบใจนั่งดื่มชาไม่ดีกว่าหรือ"

เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “ใครจะดื่มชากับท่าน อย่ามาไม้นี้! ท่านเป็นคนที่คิดไตร่ตรองวางแผนได้ดีเสมอมาไม่ใช่หรือ องค์จักรพรรดิตั้งใจจะทำลายท่าน ท่านก็ยอมให้ทำลายอย่างนั้นหรือ?! ความคิดเห็นที่ท่านบอกกับข้าก่อนหน้านี้ล่ะ ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะยังใช้แผนแกล้งป่วยได้อีก”

ซูเจ๋อพูดขึ้นเป็นปี่เป็นขลุ่ยว่า : “อืม ในเมื่อท่านเองก็ยังพูดมาแบบนี้ ครั้งนี้ข้าอาจหลีกเลี่ยงได้ ครั้งหน้าฝ่าบาทก็คงจะหาวิธีมาจัดการข้าอยู่ดี คิดไปคิดมา เดินทางออกจากเมืองหลวงตามมาจีบท่านน่าจะคุ้มกว่า”

เฉินเสียนพูดอะไรไม่ออก

ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกว่าเหตุผลที่ใช้เกลี้ยกล่อมซูเจ๋อนั้นแย่มาก

ซูเจ๋อพูดขึ้นว่า : “อาเสียน วันนี้ท่านเข้าใจข้าแล้วใช่หรือไม่ ว่าตอนนั้นทำไมข้าถึงวิตกกังวลและกระวนกระวายใจขนาดนั้น”

ใช่ เธอเข้าใจแล้ว

เธอก้มหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ตอนนี้ข้ารู้สึกเกลียดมากที่ไม่สามารถเตะท่านให้กระเด็นกลับไปที่เมืองหลวงได้ในทันที”

ร่างที่สูงโปร่งของซูเจ๋อพิงเข้ากับกำแพง จู่ๆ ซูเจ๋อก็ดึงเฉินเสียนเข้ามาในอ้อมกอด

เรี่ยวแรงทั้งหมดของเฉินเสียนเธอใช้มันไปกับการระบายอารมณ์โมโหหมดแล้ว ตอนนี้จึงไม่มีแม้แต่แรงจะผลักเขาออก

การควบคุมและการยับยั้งชั่งใจของเธอ เมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขานั้น มันไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้เลย

ในขณะที่เขากำลังพูด ความสั่นสะท้านของแผ่นอกของเขาพลอยทำให้จิตใจของเธอสั่นไหว : “ท่านเข้าใจก็ดีแล้ว ตอนนั้นข้าร้อนใจแค่ไหน ที่ไม่ยอมให้ท่านไปคนเดียว เพราะหากท่านไปแล้วก็จะกลับมาไม่ได้อีก”

เขาประคองท้ายทอยของเธอซบลงบนแผ่นอกของเขาเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ตอนนี้ยังดี มีข้าอยู่ด้วย จะต้องให้ท่านกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน”

ทั้งๆ ที่เฉินเสียนเต็มไปด้วยอารมณ์เดือดแท้ๆ แต่เธอกลับไม่ต่อต้านเลย ความเย่อหยิ่งทะนงตนของเธอถูกซูเจ๋อกำจัดอย่างง่ายดาย

“ข้าหวั่นใจเหลือเกิน” ใบหน้าของเธอซบลงบนคอเสื้อของเขา แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก

“ไม่ต้องกลัว ฟ้าย่อมมีทางออกให้เราเสมอ”

“ซูเจ๋อ ถ้าเกิดว่าฝ่าบาทไม่ได้ให้ท่านมาเป็นทูตเจรจาสันติภาพ ท่านก็ยังจะคิดหาวิธีดันทุรังฝ่าอันตรายมาหาข้าให้ได้ใช่หรือไม่?”

ซูเจ๋อตอบกลับไปว่า : “ข้าจะคิดหาวิธีมาเป็นทูตเจรจาสันติภาพให้ได้ ก็จะสามารถมาหาเจ้าได้อย่างเปิดเผย ไม่ต้องไปฝ่าฟันอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น”

เขาพูดได้อย่างพลิ้วไหวเบาใจ แต่ความจริงแล้วสถานการณ์ในตอนนี้ เขาเหมือนกำลังห้อยอยู่ปลายหน้าผา ที่สามารถจะตกลงไปได้ทุกเมื่อ หากพลาดพลั้งตกลงไป ร่างกายคงแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี

เธอไม่อยากให้เขาได้รับอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น

ถ้าหากเป็นไปได้ เธออยากให้เขาเป็นแค่บัณฑิตธรรมดา สีหน้าท่าทางที่ตั้งใจเรียนรู้หนังสือ สอนหนังสืออยู่ในโรงเรียนไท่ ทำเกี่ยวกับความรู้และการศึกษา

ท่ามกลางเสียงท่องอ่านตำรา สองแขนเสื้อที่โปร่งพลิ้ว อิสระและเสรีอย่างสิ้นเชิง ในโถงห้องเรียนที่ปลอดโปร่งสดใสสว่าง และนอกโถงห้องเรียนที่เต็มไปด้วยกลีบดอกอู่ถงร่วงหล่นเต็มพื้น

แต่เธอเองรู้ดีแก่ใจ ว่าตั้งแต่เขาถือดาบขึ้นเขาเพื่อมาช่วยชีวิตเธอ เขาก็ไม่สามารถกลับไปเป็นบัณฑิตคนเดิมแบบนั้นได้อีกแล้ว

เฉินเสียนค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ พูดขึ้นน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า : “จากนี้ต่อไปท่านวางแผนไว้อย่างไรบ้าง ท่านจะใช้คูเมืองทั้งสามแคว้นไปเจรจาสันติภาพกับอาณาจักรเย่เหลียงได้อย่างไรกัน?”

“จะทำได้หรือไม่วันข้างหน้าค่อยว่ากันอีกที”

“ไม่ได้”

“แต่ว่า” ซูเจ๋อก้มหน้าลงมา กอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น สัมผัสใบหูของเธออย่างแผ่วเบา พูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า : “ระวังหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง”

เฉินเสียนหรี่ตาลง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ก็ได้ งั้นรอให้ท่านคิดพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว ค่อยมาคุยกันใหม่"

ในขณะที่เฉินเสียนกำลังเปิดประตูออก เฮ่อโยวที่แอบฟังอยู่นอกประตูยังไม่ทันได้ตั้งตัว จึงเกือบจะล้ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี