เมื่อยามใกล้เที่ยง เฉินเสียนก็รู้สึกหิวข้าวเช่นกัน
หลังเธอชิมอาหารไปได้ไม่กี่คำ พลางดื่มเหล้าหมักสับปะรด ซึ่งรสชาติไม่ได้ต่างจากตอนดื่มบนเรือมากนัก
หากแต่ทั้งอาหารและเหล้าหมักสับปะรดในที่แห่งนี้ ช่างขาดความสดใหม่เสียจริง บวกกับโรงเหล้าซอมซ่อและสกปรก จึงไม่ค่อยมีผู้ใดยินดีมาเยือน
เฉินเสียนรู้ว่าดีกรีเหล้าหมักสับปะรดนั้นแรงยิ่งยวด ไม่อาจดื่มแทนน้ำผลไม้ได้เหมือนเฉกเช่นคราก่อน
ซูเจ๋อเห็นเธอรู้จักประมาณการดื่ม พลางปล่อยให้เธอดื่มตามใจชอบ
เขากล่าวเพียงว่า "ท่านอย่าได้ดื่มในงานเลี้ยงคืนนี้เชียวละ"
เฉินเสียนไม่อาจปฏิเสธได้
เขาเสริมอีกหนึ่งประโยคในเชิงพูดคุยทั่วไปว่า " กินอาหารให้น้อยเสียด้วย"
เฉินเสียนช้อนตามองเขา "ท่านกลัวว่าคนแซ่จ้าวจะวางยาพิษใส่ข้ารึ"
"ท่านคงยังมิทราบว่าท่านเป็นที่หมายปองของเขา"
อาหารติดคอเฉินเสียน สุดแสนลำบากกว่าจะกลืนลงไปได้ เอ่ยติดฉงน "ข้าหักหน้าเขา ไยข้าถึงเข้าตาเขา หากข้าปลิดชีพเขาทิ้ง เขาไม่ต้องรักข้าหัวปักหัวปำหรือไง?"
ซูเจ๋อจิบชา พลางเอ่ยว่า "เขาชอบท่าน ก่อนที่ท่านจะหักหน้าเขา"
"เฮ้อ ท่านคิดมากไปหรือไม่"
ซูเจ๋อส่งยิ้มให้เธอ พลางกล่าวว่า "อาจจะใช่ อย่างที่เคยบอก ข้าเป็นจอมริษยาชั้นดี"
เฉินเสียนคีบอาหารส่งให้ซูเจ๋อ อดกลั้นรอยยิ้มมุมปากพร้อมกับเอ่ยว่า "อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายก็เป็นได้"
เธอถามต่อว่า "ประหนึ่งท่านล่วงรู้ก่อนแล้วว่าฉินหรูเหลียงมีอันต้องพ่ายแพ้แด่สงคราม?"
ซูเจ๋อหยิบยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม บดบังใบหน้าเขากว่าครึ่ง กล่าวว่า "อาเสียนประเมินข้าสูงไปแล้ว"
เฉินเสียนหรี่ตา "ประเมินสูงไปงั้นหรือ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่ายังประเมินท่านต่ำไปเสียด้วยซ้ำ หากท่านมิล่วงรู้ ไฉนทำเรื่องเลวร้ายต่อท้ายได้?"
"ข้าพอจะรู้นิสัยของแม่ทัพจ้าวอยู่บ้าง จึงกลายเป็นว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เช่นนั้นโอกาสที่ฉินหรูเหลียงจะชนะนั้นมีไม่มาก"
"แต่แม่ทัพโฮ้วกล่าวว่า เย่เหลียงเก่งกาจมาก ไม่เพียงมีนายทหารที่ห้าวหาญ เชี่ยวชาญการศึกเท่านั้น กระทั่งทุกการเคลื่อนไหวของต้าฉู่ เย่เหลียงก็รับมือได้ทุกครา ท่านว่าหากไม่ได้รู้เรื่องวงในต้าฉู่มาก่อน เหตุใดจึงเตรียมการได้รัดกุมเยี่ยงนี้?"
ซูเจ๋อพยักหน้าหงึกๆ "อืม ต้าฉู่ต้องมีไส้ศึกเป็นแน่"
เฉินเสียนกล่าว "ข้าจำได้ว่าช่วงที่ผ่านมา ท่านกับเหลียนชิงโจวส่งสารกันบ่อยมาก"
ซูเจ๋อมองเธออย่างเบื่อหน่ายพร้อมกับกล่าวว่า "ท่านเคยเห็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น"
เฉินเสียนกล่าว "ข้าเห็นเพียงหนเดียว ที่ไม่เห็นไม่รู้ว่ามีกี่หน"
"หากแม้นเป็นเยี่ยงนี้ แต่ก็ส่งสารก่อนสงคราม ซึ่งเวลาไม่สอดคล้องกัน"
เฉินเสียนเอ่ยเสียงแผ่วเบา "ท่านค่อนข้างรู้กลเม็ดทำสงครามของฉินหรูเหลียง อีกทั้งยังรู้ยุทธศาสตร์การรบของทั้งสองแคว้น เช่นนั้นย่อมสามารถเตรียมการล่วงหน้าได้อยู่แล้ว"
ซูเจ๋อเอนหลังไปยังเก้าอี้พนักพิงด้วยอากัปกิริยาเกียจคร้านและคาดเดาไม่ถูก แววตาที่มองเฉินเสียนทอประกายแสงแห่งความลุ่มลึก
เขากล่าวแย้มยิ้ม "ในสายตาท่าน ข้าเก่งปานนั้นเลยหรือ"
เฉินเสียนเอ่ยแบบไม่เกรงใจ "เก่งเหนือกว่าที่ข้าคิดเสียอีก"
ซูเจ๋อกล่าวเสียงเบา "หากศึกครานี้ฉินหรูเหลียงเป็นฝ่ายชนะ จะเป็นการไร้ประโยชน์โดยแท้"
เมื่อเสวนามาถึงจุดนี้ เฉินเสียนพลันมั่นใจได้ว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกับเขาโดยปริยาย
สาเหตุที่ฉินหรูเหลียงพ่ายแพ้สงคราม ไม่ใช่เพราะเขาถูกตัดแขนทิ้งหนึ่งข้าง ยิ่งไม่ใช่จ้าวเทียนฉีจงใจทำผิดพลาดโดยปล่อยข่าวความลับทางการทหารเด็ดขาด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...