“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ” เฮ่อโยวเดินเข้ามาหาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เพื่อความสวยความงามหรือว่าอะไรกัน ก็ไม่ต้องฉีกกระโปรงเอามาพันคอหรอก”
เฉินเสียน “……”
เจ้าเด็กนี่ เป็นเด็กชั่งสังเกตตั้งแต่เมื่อไรกัน
ฉีกกระโปรงเอามาพันคอ ถึงจะดูสวยแต่……จริงๆแล้วมันก็แปลกๆนิดหน่อย
เฮ่อโยวสังเกตเห็นมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ จึงพูดว่า “เฉินเสียน ท่านบาดเจ็บหรอ?”
เดิมทีฉินหรูเหลียงนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่เมื่อได้ยินเสียงจึงหันไปมอง
เฉินเสียนกระตุกปากแล้วพูดว่า “ไม่มี”
เฮ่อโยวถาม “ไม่บาดเจ็บแล้วท่านจะเอาผ้าปิดคอทำไม?ให้ข้าดูหน่อย ว่าบาดเจ็บจริงหรือไม่ ไปโดนอะไรมา?”
เฉินเสียนยิ่งไม่ให้เฮ่อโยวดู เฮ่อโยวก็ยิ่งพยายามจะดูให้แน่นอนว่าเฉินเสียนนั้นบาดเจ็บจริงหรือไม่
ในใจของเฉินเสียนนั้นรู้สึกหม่นหมองมาก ถ้าให้เฮ่อโยวเห็น ก็จะเท่ากับรู้ว่าเธอและซูเจ๋อเป็นอะไรกัน อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าเธอกับซูเจ๋อนั้นเป็นอะไรกัน!
คอของเฉินเสียนถูกพันด้วยผ้าพันคอ เมื่อเห็นเฮ่อโยวยังก่อกวนไม่หยุดที่จะมาแกะผ้าออกดู จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เฮ่อโยวเจ้าว่างมากนักหรอ ประชาชนในเมืองนี้ดูแลดีหรือยัง แล้วยาต้มหรือยัง!”
เฮ่อโยวถลึงตาขึ้นพูด “ก็ข้าเป็นห่วงท่าน!ท่านได้รับบาดเจ็บแต่ไม่อยากให้พวกข้ารู้ พันไว้แบบนี้มันจะไปหายได้อย่างไร!”
“ข้าขอบใจเจ้ามาก!แค่เจ้าไม่ก่อเรื่องวุ่นวายข้าก็ดีใจมากแล้ว!”
เฮ่อโยวใช้ช่องว่างระหว่างเธอพูด เอื้อมมือไปจับ เฉินเสียนสามารถหลบหนีได้ พูดอย่างหงุดหงิดว่า “ไอ่เจ้าเฮ่อโยว เจ้านี่มันจิตวิญญาณนักแสดงจริงๆ แสดงอะไรได้เก่งขนาดนี้!ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อน ถ้าเกิดขยับไม้ขยับมืออีกหล่ะก็ ข้าจะโต้ตอบเจ้า!”
การเคลื่อนไหวตัวของเฉินเสียนนั้นรวดเร็ว เฮ่อโยวพยายามจะดึงออกก็ไม่สามารถทำได้
หลังจากนั้นซูเจ๋อก็เข้ามาในจวนพอดี เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงพูดออกมาว่า “ขุนนางชั้นผู้ใหญ่หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำกำลังตามตัวเจ้าอยู่ บอกว่ามีเรื่องด่วนอยากให้เจ้าไปช่วย”
ท่าทางของซูเจ๋อนั้นไม่เหมือนเป็นการหยอกล้อเล่น
เฮ่อโยวจึงหยุดการกระทำ แล้วพูดเตือนเฉินเสียนว่า “บาดเจ็บก็ต้องรีบรักษา เดี๋ยวข้าจะกลับมา”
เฉินเสียนพูดอย่างไม่ยิ้มไม่หัวเราะว่า “เจ้ารีบออกไปให้พ้นไป!”
“ชิ ความหวังดีแต่ไม่ได้รับกลับ”
เมื่อเฮ่อโยวเดินออกไป ข้างในจวนนั้นมีเพียงสามคน บรรยากาศจึงดูแปลกๆ
ฉินหรูเหลียงจ้องมองลึกลงไปที่คอของเฉินเสียน เพียงแต่สายตาของเขามองเห็นแค่ผ้าพันคอที่ปิดไว้ด้านนอก
ฉินหรูเหลียงเริ่มเปิดปากพูด “เจ้าบาดเจ็บจริงรึ?”
เฉินเสียนรู้ว่าซูเจ๋ออยู่ในจวนด้วย ทำให้รู้สึกลำบากใจ จึงพูดว่า “ไม่เป็นไร”
ฉินหรูเหลียงมองไปทางซูเจ๋อ สายตาที่มองนั้นแฝงไปด้วยความที่ไม่ต้องพูดก็รู้
ซูเจ๋อพูดอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ช่วงสองวันนี้เหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักที่ห้องก่อนเถอะ”
ยังไม่ทันขาดคำ เฉินเสียนก็กลับเข้าไปในห้อง
เพียงแต่การพูดคุยของเธอกับซูเจ๋อนั้นมันน้อยมากๆ จนทำให้ฉินหรูเหลียงที่เพิ่งกลับมานั้นก็รู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่าง
เฉินเสียนกลับเข้าห้องแล้ว ฉินหรูเหลียงมองไปที่ซูเจ๋ออย่างเคร่งขรึมแล้วพูดว่า “เจ้าทำอะไรกับนาง?”
ดวงตาของซูเจ๋อสีดำเหมือนน้ำหมึก ไม่มีความเศร้าโศก พูดอย่างหน้าตาเฉยว่า “ถ้าทำอะไรขึ้นมาจริงๆ เวลานี้ถ้าท่านแม่ทัพฉินอยากห้ามแล้วจะมาห้ามทันหรือ?”
ฉินหรูเหลียงพูดอย่างตรงประเด็นว่า “ถ้าเจ้าไม่ได้ทำอะไรนาง ทำไมนางจึงเย็นชากับเจ้า”
“ในกรณีนี้มันเป็นเรื่องของข้ากับนาง ไม่เกี่ยวอะไรกับแม่ทัพฉิน”
เมื่อเฉินเสียนถึงห้องจึงถอดผ้าพันคอออก แล้วส่องกระจกดู พบว่ารอยจูบที่คอนั้นมันเห็นได้ชัดเจนมาก
ถ้ารอยไม่หายในช่วงสิงสามวันนี้ ไม่ช้าก็เร็วเฮ่อโยวก็น่าจะจับได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เฉินเสียนอดไม่ได้ที่จะกังวลอยู่กับตัวเอง ว่าตอนที่อยู่ในหมู่บ้านนั้นก็ไม่ได้ดื่มเหล้าอะไรมาก หรือว่าตอนที่อยู่กับซูเจ๋อเพียงลำพัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...