จากนั้นซูเจ๋อกล่าวอีกว่า "หากแม่ทัพฉินกับคุณชายเฮ่อจะกลับไป ข้าจะไม่ขัดขวางเด็ดขาด"
เฉินเสียนกล่าวว่า "ในเมื่อหัวใจทุกคนไม่ประสานเป็นหนึ่งเดียว ไยต้องลงใต้ด้วยเล่า มิสู้กลับเรือนใครเรือนมันเสียจะดีกว่า"
เธอมีความทัศนคติในเชิงลบ ขาดความกระตือรือร้นเช่นนี้น้อยมาก
ยามที่เดินทางมาถึงจุดพักรถม้าในชนบท พวกเขาเข้าพักเรือนเดี่ยว ซึ่งมีสี่ห้องนอนพอดี
ซูเจ๋อพาเฉินเสียนเข้าห้องเฉกเช่นปกติ หมายจะวางเธอไว้บนเตียง
เฉินเสียนกล่าวว่า "ข้าไม่อยากนอน ข้าอยากนั่ง"
"ได้"
ดังนั้นซูเจ๋อจึงอุ้มเธอไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง แล้วมัดเธอไว้กับเก้าอี้ตัวนั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้อย่าว่าแต่เฉินเสียนสามารถถูเชือกริบบิ้นกับเก้าอี้ให้ขาดได้เลย แค่ขยับกายเล็กน้อยก็ยากแล้ว
สองขาของเธอถูกมัดติดกับฐานเก้าอี้ แค่ยืนก็เป็นปัญหาแล้ว
อารมณ์เฉินเสียนพลุ่งพล่านด้วยความโมโห กล่าวว่า "ท่านระวังข้าเพียงนี้เลยหรือ? วรยุทธของท่านเหนือกว่าข้า วิ่งเร็วกว่าข้า ข้าคู่ควรให้ท่านระวังตรงไหน"
ซูเจ๋อกล่าว "ข้าไม่ได้ระวังท่าน ข้าเพียงระวังบังเอิญที่ไม่คาดฝัน"
"ก่อนหน้านี้ข้ายังค่อยย้ำเตือนตัวเองเสมอ ต้องคิดถึงหัวอกท่านบ้าง ตอนนี้เห็นทีท่านทั้งดื้อทั้งไม่มีเหตุผลกว่าข้าอีก"
ซูเจ๋อไม่แยแสต่อความโกรธของเธอ กล่าวเสียงแผ่วเบา "ท่านนั่งก่อน ประเดี๋ยวข้าก็กลับมา"
เห็นซูเจ๋อจะออกไป ความคิดเฉินเสียนก็บังเกิด กล่าวโดยทันทีทันใดว่า "ฟ้ามืดแล้ว ข้าไม่ชอบความมืด ท่านจุดไฟก่อนแล้วค่อยไป"
ซูเจ๋อมองท้องฟ้าก็ใกล้จะค่ำแล้วจริงๆ ปล่อยให้เฉินเสียนอยู่ห้องคนเดียวเกรงว่าจะยิ่งบั่นทอนจิตใจ ฉะนั้นซูเจ๋อจึงสาวเท้าไปข้างโต๊ะแล้วจุดเทียนก่อนออกไป
เก้าอี้ที่เฉินเสียนนั่งยังห่างจากโต๊ะระยะหนึ่ง เธอเอื้อมไปไม่ถึง
เธอมองซูเจ๋อออกไปอย่างสง่าผ่าเผยโดยที่ทิ้งเธอไว้คนเดียว
ซูเจ๋อยืนเคาะประตูห้องของเฮ่อโยว
เฮ่อโยวกำลังกลัดกลุ้มกับถ้อยคำของเฉินเสียนเมื่อตอนกลางวัน เขาคาดไม่ถึงว่าซูเจ๋อจะมาหาเขา จึงอึ้งอยู่หน้าประตู ไม่รู้ว่าควรออกไปหรือเข้าห้องดี
ซูเจ๋อกล่าวเสียงเรียบเฉย "เข้าไปคุยกัน"
"ออ" เฮ่อโยวหลีกทางให้เขา
ฝั่งเฉินเสียน เมื่อซูเจ๋อไม่อยู่ตรงหน้า เธอก็สามารถสงบจิตสงบใจ ไม่ใช่สักแต่จะโมโหท่าเดียว
เธอรวบรวมสมาธิคิดหาหนทางแก้มัดเชือกของตัวเอง
โชคดีที่ก่อนซูเจ๋อจะออกไป เธอเรียกร้องให้จุดไฟ เชือกริบบิ้นบนมือถึงจะมัดแน่นแค่ไหน เมื่อเจอไฟก็ต้องติดแน่นอน
เทียนบนโต๊ะคือตัวช่วยชิ้นสำคัญ
ฉะนั้นเมื่อซูเจ๋อออกไป เฉินเสียนก็นิ่งเฉย
เฉินเสียนพยายามสุดแรงเพื่อจะได้เข้าใกล้โต๊ะ แต่ก็ยังคงห่างกันช่วงหนึ่ง
ต่อมาเธอกัดฟันสู้ ใช้ปลายนิ้วดึงผ้าปูโต๊ะมายังทิศทางของตนสำเร็จ
ชั่วพริบตานั้นเชิงเทียนขาดความสมดุลจนล้มลงมาอยู่บนผ้าปูโต๊ะ
เมื่อเห็นเปลวเทียนไขโดนผ้าปูโต๊ะเล็กน้อย เฉินเสียนก็อธิษฐานในใจว่า ไฟรีบติดสิ ต้องติดมาทางนี้นะ
เธอจะได้แก้เชือกริบบิ้นออกเสียที
ไฟบนโต๊ะค่อยๆขยายกว้างขึ้น เมื่อสะเก็ดไฟหล่นใส่เก้าอี้ข้างโต๊ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...