ภายในห้องตำราหลวง จักรพรรดิกำลังอ่านฎีกาที่วางซ้อนกันเท่าภูเขา
องครักษ์ด้านนอกรีบมารายงานด้วยความเร่งรัด กล่าวว่า "กราบทูลฝ่าบาท องค์หญิงจิ้งเสียนกลับเมืองหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ เพิ่งเข้าประตูเมืองเมื่อสักครู่นี้พ่ะย่ะค่ะ"
เวลานี้เฮ่อฟั่งผู้เป็นขุนนางที่จักรพรรดิโปรดปรานก็อยู่ด้วย
จักรพรรดิวางฎีกาในมือ พลางถามว่า "ยามนี้อยู่ที่ใด?"
องครักษ์กล่าวว่า "หลังจากนางเข้าเมืองก็กลับจวนแม่ทัพพ่ะย่ะค่ะ"
เฮ่อฟั่งกล่าวด้วยความกราดเกรี้ยวอยู่ด้านข้าง "ในเมื่อนางกลับมาเพียงผู้เดียว ไยไม่สังหารที่ประตูเมือง โดยการยัดเยียดข้อหานักโทษเล่า?"
องครักษ์ตอบด้วยความหวาดหวั่น "แม้นครั้งนี้องค์หญิงจิ้งเสียนจะกลับโดยลำพัง ทว่าไม่รู้ว่าผู้ใดแจ้งข่าวก่อนที่นางจะเดินทางมาถึงล่วงหน้า ราษฎรรู้กันหมดแล้ว ต่างพากันไปรอดูที่หน้าประตูเมืองพ่ะย่ะค่ะ กระทั่งคนในจวนแม่ทัพก็ยังส่งคนมารับองค์หญิงจิ้งเสียนด้วยพ่ะย่ะค่ะ"
เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ทหารยามประตูเมืองหลวงจะมีเจตนาฆ่าก็ไม่มีทางกระทำได้ดั่งใจหมาย
เฮ่อฟั่งปรับอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนจะคำนับกล่าวกับจักรพรรดิว่า "ฝ่าบาทให้กระหม่อมส่งคนไปจวนแม่ทัพ……"
จักรพรรดิกล่าวด้วยความเคร่งขรึม "ไม่รีบ นางยอมกลับมาจนได้ ไม่รอให้ข้าไปหานาง นางก็กลับมาหาข้าก่อนแล้ว"
เขาไม่เชื่อว่าในเมืองหลวงอันกว้างใหญ่แห่งนี้ เขาจะจัดการสตรีในเรือนคนหนึ่งไม่ได้
ครั้งนี้เฉินเสียนเดินทางลงทิศใต้ ระหว่างทางได้รีบการสรรเสริญจากมวลประชาอย่างล้นหลาม เกียรติยศชื่อเสียงของนางเลื่องลือในเจียงหนานยิ่งนัก
หากชาตินี้เฉินเสียนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ประพฤติตัวเหมาะสมและปฏิบัติตนอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว จักรพรรดิอาจละเว้นนางได้ แต่บัดนี้ เฉินเสียนล้ำเส้นเขาไปแล้ว
มือสังหารที่เคยส่งไปก็ไม่มีผู้รอดกลับมาสักราย ครั้งนี้เฉินเสียนกลับมาเอง ไหนเลยจักรพรรดิจะปล่อยนางง่ายๆ
เฉินเสียนก็คาดไม่ถึง เธอเพิ่งเดินทางมาถึงประตูเมืองหลวงก็เห็นราษฎรนับร้อยชีวิตมาเฝ้ามอง เมื่อพ่อบ้านจวนแม่ทัพเห็นเธอ ยังไม่ทันกล่าวอันใดก็เริ่มมีน้ำตาซึมออกมา
ยามนี้ทั่วทั้งเมืองต่างรู้เรื่ององค์หญิงจิ้งเสียนกลับมา
อดีตราษฎรมักได้ยินแต่ว่าองค์หญิงจิ้งเสียนโง่เขลาเบาปัญญา ไร้ความสามารถ ทว่ายามนี้องค์หญิงจิ้งเสียนมีคุณงามความชอบนานัปการ อาทิ สงบศึกสงคราม ช่วยเหลือผู้ลี้ภัย แก้ปัญหาอุทกภัย ขจัดขุนนางทุจริต ทำให้ราษฎรจำนวนมากมายต่างปรบมือยกย่องสรรเสริญ
ผู้ติดตามพ่อบ้านจวนแม่ทัพมาต้อนรับเธอในครั้งนี้ ยังมีแม่นมหนึ่ง สาวใช้หนึ่งและบุรุษรับใช้หลายนาย
เฉินเสียนยืนตัวตรงก็เห็นเด็กสาววิ่งเข้าหาเธออย่างไม่สนใจสิ่งอื่น จากนั้นก็โอบกอดเธอแล้วร้องไห้เสียยกใหญ่
เฉินเสียนมอง ผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็คือซุยเอ้อร์เหนียงที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำด้วยความปลื้มปิติ ส่วนสาวใช้ผู้กำลังโอบกอดเธอก็คืออวี้เยี่ยนที่ไม่ได้เจอกันมาเนิ่นนาน
อวี้เยี่ยนร้องไห้ฟูมฟายราวกับเด็กสาวข้างเรือนไม่มีผิด นางเอ่ยไปพลาง ร้องไห้ไปพลาง "องค์หญิงกลับมาเสียทีนะเพคะ บ่าวรอจนดอกไม้ร่วงโรยแล้วเพคะ……คิดว่าองค์หญิงจะไม่กลับมาอีกแล้วเพคะ"
เฉินเสียนรู้สึกอบอุ่นในใจ เธอเช็ดน้ำตาให้อวี้เยี่ยน มองใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงของนาง
เธอหัวเราะอย่างอ่อนโยน พร้อมกับกล่าวว่า "มีพวกเจ้าอยู่ในเมืองหลวง อย่างไรเสียข้าก็ต้องกลับแน่นอน"
"ไม่เจอกันนาน องค์หญิงผอมลงนะเพคะ" อวี้เยี่ยนกล่าวด้วยน้ำตา "บ่าวคิดถึงใจจะขาด……"
แม่นมซุยยืนกล่าวด้านข้างว่า "องค์หญิงกลับมาก็ดีแล้ว อวี้เยี่ยนอย่าเพิ่งรีบกอดองค์หญิงเลย ให้ท่านหายใจสะดวกบ้าง"
พ่อบ้านเดินเข้าไปกล่าว "บ่าวมารับองค์หญิงกลับจวนขอรับ เอ้อร์เหนียงพูดถูก กลับมาก็ดีแล้ว"
วันนี้อวี้เยี่ยนกับเอ้อร์เหนียงต่างมารับเธอกันหมด มีเพียงไม่เห็นเจ้าน่องน้อย แสดงว่าสิ่งที่กล่าวในพระราชโองการนั้นเป็นเรื่องจริง
เฉินเสียนเพิ่งเดินทางมาถึงก็อยากพุ่งเข้าไปพบหน้าเจ้าน่องน้อยในราชวังแทบแย่ ทว่าเธอต้องเตรียมการให้ดีเสียก่อน ต้องถามหาต้นสายปลายเหตุให้เข้าใจเสียก่อน
ดังนั้นเฉินเสียนจึงขึ้นเกี้ยวกลับจวน
หลังจากเข้าจวนแม่ทัพแล้ว ไม่ว่าจะภายในจวนหรือนอกจวนล้วนมีคนจับตามองด้วยกันทั้งสิ้น คิดจะหนีออกไปคงเป็นการยาก
สวนสระวสันตฤดูยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
เพียงแต่ย่างเข้าฤดูเหมันต์อากาศจึงรู้สึกหนาวเหน็บเป็นพิเศษ
เมื่อเฉินเสียนผลักประตูเข้าไป พบว่าภายในเรือนเต็มไปด้วยของใช้และของเล่นเด็ก หัวใจเธอก็อดรู้สึกขมฝาดที่ยากจะสาธยาย
เฉินเสียนถาม "เจ้าน่องน้อย……เดินเป็นหรือยัง?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...