ช่วงที่ผ่านมานี้จวนแม่ทัพหดหู่วังเวง ภายในเวลาอันสั้นก็คึกคักเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมาแล้ว
ฉินหรูเหลียงเป็นคนสุดท้ายที่เข้าประตูเมืองมาก่อนที่ประตูจะปิดลง เขากลับมาในยามราตรี
เหล่าคนรับใช้ในจวนแต่ละคนต่างกระตือรือร้นจัดเตรียมน้ำร้อนและเสื้อผ้า และยังมีทางฝั่งห้องครัวเตรียมอาหารกันอย่างขะมักเขม้น
ทุกคนล้วนกระตือรือร้นคึกคัก นานมากแล้วที่ไม่มีความคึกครื้นเช่นนี้
อวี้เยี่ยนวิ่งมาจากทางด้านนอก กล่าวกับเฉินเสียนว่า“องค์หญิง แม่ทัพฉินถึงแล้วเพคะ”
เฉินเสียนขมวดคิ้ว ตามนางออกจากสวนสระวสันตฤดูไป
พอดีกับฉินหรูเหลียงเข้ามาแล้วต้องผ่านสวนสระวสันตฤดู ทั้งสองคนเลยพบเจอกันเข้าที่บริเวณสวนดอกไม้
เพิ่งจะไม่กี่วันที่ไม่เจอกัน เฉินเสียนก็ไม่ได้รู้สึกว่าแปลกหน้า กล่าวออกมาทันทีว่า“นี่ร้อนอกร้อนใจจะไปหาหลิ่วเหมยอู่ที่สวนดอกพุดตานหรือ?”
ฉินหรูเหลียงยืนตรงหน้าเฉินเสียนร่างสูงใหญ่กำยำอย่างชัดเจน กล่าวขึ้นว่า“ข้ามาหาท่าน คิดไม่ถึงว่าท่านขี่ม้าได้เร็วเช่นนี้”
เฉินเสียนกล่าวว่า“เหมือนว่าข้ากลับมาเร็วกว่าท่านหนึ่งคืนเองนะ เฮ่อโยวก็กลับมาแล้วใช่หรือไม่?”
“กลับมาแล้ว กลับมาหมดทุกคนแล้ว”
เฉินเสียนชะงักงัน รู้ว่าคำพูดของเขารวมถึงผู้ใดด้วย
ภายในใจของเฉินเสียนรู้สึกหนักใจอย่างแปลกประหลาด กล่าวขึ้นว่า“ในเมื่อกลับมาแล้ว ท่านกับเฮ่อโยวล้วนมีคนในเรือนที่ต้องการพึ่งพาอยู่มากมาย ต่อไปไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงภัยอันตรายเพื่อข้า คำขอร้องข้าไม่มากหรอก เพียงหวังว่ากาลเวลาข้างหน้าไม่เป็นศัตรูกับท่านก็พอแล้ว”
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “เดิมท่านไม่ควรกลับมา ตอนนี้ต้องการกลับมา วันข้างหน้าอยากจะหนีไปไม่ง่ายแล้วนะ แต่ว่าเพียงแค่ข้ายังอยู่ หากท่านยินยอม ก็อยู่ข้างกายข้าให้ข้าได้คุ้มครองท่าน”
เฉินเสียนกระตุกริมฝีปาก ยิ้มแล้วกล่าวขึ้นว่า“หากท่านคุ้มครองข้าตลอดไป แล้วผู้ใดจะคุ้มครองท่าน? พอข้ากลับมาจัดการปัญหาที่แก้ไขยากให้ชัดเจนแล้ว ผู้ใดรับผู้นั้นเป็นผู้โชคร้าย มีท่านที่โง่เขลา ยังกล้าที่จะรับข้าต่อไป”
ฉินหรูเหลียงกล่าวขึ้นว่า“ตอนนี้ท่านคือภรรยาของข้า ข้าจะพยายามคุ้มครองท่านเท่าที่ข้าจะทำได้ เป็นหลักการของฟ้าดินที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”
นานมากแล้วที่ฉินหรูเหลียงไม่ได้กล่าวขึ้น เธอยังเป็นภรรยาของเขาอยู่
การเดินทางอิสรเสรีของเธอช่วงนั้น มันได้จบสิ้นแล้ว
พวกเขากลับมาถึงเมืองหลวง ยังต้องได้รับการถูกควบคุมความสัมพันธ์นี้ด้วย
ฉินหรูเหลียงเห็นเธอไม่พูดจา เลยกล่าวอีกว่า“ท่านไปที่ห้องอาหารก่อนเลย ข้าจะกลับเรือนล้างหน้าบ้วนปากสักครู่จะกลับมากินอาหารเย็นด้วยกัน”
พูดจบ ฉินหรูเหลียงก็เดินผ่านเฉินเสียนไป
เฉินเสียนเอี้ยวตัวหันกลับ มองร่างสูงใหญ่ของเขาแล้วกล่าวขึ้นว่า“ไม่คิดจะไปหาหลิ่วเหมยอู่หน่อยหรือ?”
ฉินหรูเหลียงชะงักฝีเท้า กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า“เวลานี้ยังไม่อยากพบเจอ”
หลังจากรอฉินหรูเหลียงไปแล้ว อวี้เยี่ยนตกใจจนพูดไม่ออก ครู่ใหญ่ๆเลยได้สติกลับมา กล่าวขึ้นว่า“องค์หญิง บ่าวรู้สึกว่าท่านแม่ทัพ........คล้ายดั่งเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยเพคะ”
เฉินเสียนพาอวี้เยี่ยนเดินไปทางห้องอาหาร กล่าวออกมาทันทีว่า“เจ้าพูดมาสิ เขาเปลี่ยนไปตรงไหน?”
“ปฏิบัติกับองค์หญิงเปลี่ยนไปเพคะ ปฏิบัติกับนายหญิงหลิ่วยิ่งเปลี่ยนไป หากท่านแม่ทัพในอดีต กลับมาต้องไปหานายหญิงหลิ่วโดยทันทีอย่างแน่นอน นั่นเป็นคนที่ท่านแม่ทัพชอบ ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นเข้าอกเข้าใจองค์หญิง บ่าวรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินเลยเพคะ”
เฉินเสียนกล่าวว่า “น่าจะหลังผ่านประสบการณ์ชีวิตความเป็นความตายมา เลยมีบางเรื่องที่มองให้ง่ายขึ้นแหละ”
อวี้เยี่ยนกล่าวว่า “ถึงอย่างไรองค์หญิงก็ได้เดินทางไกลแสนไกลพันลี้ไปช่วยท่านแม่ทัพกลับมา ท่านแม่ทัพซาบซึ้งในบุญคุณขององค์หญิงก็สมควรแล้วเพคะ อย่างไรท่านแม่ทัพในตอนนี้เทียบกับเมื่อก่อนก็ดีกว่านะเพคะ”
เฉินเสียนถามสถานการณ์ช่วงครึ่งปีในเมืองหลวง อวี้เยี่ยนจึงได้บอกกล่าวเรื่องที่นางรู้ทั้งหมดอย่างละเอียดให้เฉินเสียนฟัง
เรื่องชายแดนของทั้งสองเมือง เนื่องจากข่าวคราวไม่สามารถเข้าถึงได้ เลยบอกต่ออย่างไม่ชัดเจน
แต่เฉินเสียนพาซูเจ๋อที่เป็นทูตไปเจรจาสันติภาพที่เย่เหลียง นำสามคูเมืองเป็นข้อแลกเปลี่ยนในการเจรจาสันติภาพของทั้งสองเมือง นั่นเป็นเรื่องจริงไม่จำเป็นต้องโต้เถียงเลย
ช่วงเวลานั้นในเมืองหลวงบอกต่อกันอย่างอึกทึกครึกโครม ได้ยินว่าองค์หญิงเผชิญหน้ากับฝ่ายศัตรูกองกำลังทหารนับหมื่นพันไม่ลุกลี้ลุกลนตื่นตระหนกเลย ทูตไปที่เย่เหลียงด้านนั้นยิ่งถกเถียงอย่างดุเดือด ท้าทายเย่เหลียงช่วยขุนนางเพียงลำพัง ไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย ถกเถียงจนตอนสุดท้ายเหล่าขุนนางเย่เหลียงใบ้นิ่งไม่มีคำจะกล่าวเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...