ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 357

เขานั่งอยู่ไร้การเคลื่อนไหว วางเพียงแค่ตะเกียบลง มือที่วางอยู่ข้างโต๊ะกำแน่นเล็กน้อย

สีหน้าซับซ้อนยากหยั่งรู้กว่าหลิ่วเหมยอู่

นี่เป็นหญิงสาวที่เมื่อก่อนเขารักทะนุถนอมมากมาย และวันนี้เจอกันอีกครั้ง เขารู้สึกว่าแปลกหน้าเป็นอย่างมาก

หลิ่วเหมยอู่เห็นฉินหรูเหลียงไม่แสดงท่าที เลยร้อนลน กล่าวขึ้นว่า “ท่านแม่ทัพไม่อยากเห็นเหมยอู่หรือเจ้าคะ?หรือว่าผ่านมาตั้งนานแล้วยังไม่ยินยอมให้อภัยเหมยอู่? เหมยอู่ทำผิด ทุกวันล้วนสารภาพรู้สึกผิดบาป วันนี้ความหวังเดียวคือการได้พบหน้าท่านแม่ทัพอีกครั้ง ตายก็ตายอย่างคุ้มค่าแล้วเจ้าค่ะ.......”

ในเมื่อฉินหรูเหลียงไม่กล่าวพูด เฉินเสียนเลยกล่าวอย่างราบเรียบว่า“ในเมื่อมาแล้ว นั่งกินอาหารด้วยกันสิ”

ใจของหลิ่วเหมยอู่จดจ่ออยู่ที่ฉินหรูเหลียง เวลานี้ถึงได้มองเฉินเสียน

เป็นเวลาเนิ่นนานไม่ได้พบเจอ แต่ความเกลียดชังที่หลิ่วเหมยอู่มีต่อเฉินเสียนไม่ได้จืดจางเลือนหายไป กลับกันยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

นางกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ได้ชั่วขณะ วู่วามเป็นอย่างมาก กล่าวขึ้นว่า“พระองค์กลับมาทำไม? พระองค์นั่งข้างกายท่านแม่ทัพทำไม!หม่อมฉันมีวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะคนต่ำช้าอย่างพระองค์ทำ!”

ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “ทหาร นำตัวนางออกไป”

เดิมหลิ่วเหมยอู่คิดว่า เธอนึกว่าจะสามารถอยู่พร้อมหน้ากันกับฉินหรูเหลียงได้แล้ว แต่คาดไม่ถึงเลยว่า เพิ่งจะมาพูดได้ไม่กี่ประโยค ฉินหรูเหลียงก็ต้องการให้คนนำนางออกไปแล้ว

ไม่ง่ายที่นางจะวิ่งออกมาจากสวนดอกพุดตานได้ เวลานี้ต้องถูกส่งกลับไปแล้ว

เมื่อก่อนฉินหรูเหลียงมักถามไถ่ทุกข์สุขของนาง ตัดใจไม่ลงที่จะให้นางได้รับความรู้สึกน้อยใจ แต่มาวันนี้ เขาสามารถปล่อยให้เธออยู่อย่างหนาวเหน็บในเรือนได้ โดยไม่สนใจใยดีเลย

ต้องเป็นคนต่ำช้านั่นแน่ ทำยาเสน่ห์อะไรให้กับเขา!

ฉินหรูเหลียงยังคิดไม่รอบคอบเลยว่าจะเผชิญหน้ากับหลิ่วเหมยอู่อย่างไร วันนี้นางวุ่นวายเช่นนี้แล้ว เขายิ่งไม่อยากไปที่สวนดอกพุดตาน

วันต่อมา มีพระราชโองการมาถึงจวนแม่ทัพ

เฉินเสียนกับฉินหรูเหลียงต้องเข้าไปในพระราชวังเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ

ทั้งสองคนสวมใส่ชุดเสื้อผ้าที่เป็นทางการ เหมือนกับเมื่อก่อนเลย นั่งรถม้าด้วยกัน พอถึงหน้าประตูพระราชวัง ได้เดินเข้าไปภายในพระราชวังด้วยกัน

เพียงแต่วันนี้ไม่เหมือนในอดีต

ตลอดการเดินทางเฉินเสียนไม่กล่าวพูดสักหนึ่งประโยคเลย

ฉินหรูเหลียงกล่าวขึ้นว่า “ไม่ต้องกังวลใจ รอหลังจากพบองค์จักรพรรดิแล้ว ข้าจะขอร้ององค์จักรพรรดิ ให้ท่านได้พบเจอกับเจ้าน่องน้อย มีข้าอยู่ร่วมเคียงข้างท่าน องค์จักรพรรดิไม่มีทางทำให้ท่านรู้สึกลำบากใจหรอก”

“แต่ทำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับท่านเลย”

“ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่แย่สักนิดหนึ่งหรอก”

หลังจากรอเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิแล้ว เฉินเสียนคุกเข่าอยู่บนท้องพระโรง เก็บบุคลิกของเธออย่างหมดจด เธอคุกเข่าอยู่บนท้องพระโรงอย่างอ่อนแรง เพียงแค่ร่ำไห้ มองดูแล้วอ่อนแออีกทั้งยังดูหมดหนทาง

เฉินเสียนร่ำไห้สั่นเทากับเรื่องราวระหว่างการเดินทางที่พบเจอทั้งหมด ประกอบกับเรื่องลอบสังหารที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้น สถานการณ์ยากลำบากอยู่ที่เย่เหลียง กับระหว่างการเดินทางพบเจอเหตุการณ์น้ำท่วม เธอพยายามเป็นอย่างมากที่จะปกป้องรักษาตัวเองไว้

เฉินเสียนนำเรื่องราวบทบาทของหญิงสาวคนหนึ่งที่ลำบากแสนเข็ญแสดงออกจนซึมลึกกินใจคน

สายตาที่ไร้เดียงสาของเธอ ท่าทางน้ำตาที่ไหลออกมาและชี้แจงข้อเท็จจริงของเธอ ราวกับชัดเจนว่าเธอไม่มีความผิด

เฉินเสียนสะอื้นไห้กล่าวว่า “องค์จักรพรรดิ ตอนที่จิ้งเสียนผ่านเมืองอวิ๋น ฝนตกหนักทั้งวัน พืชทางการเกษตรไม่สามารถเก็บได้ และก็ไม่มีเสบียงอาหารการกิน จิ้งเสียนจำใจต้องไปเก็บผักป่าในพื้นดินกับทุกคนเพื่อนำมารองท้อง ......คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้จะถูกคนเล่าไปมา พูดจนอลังการเกินเหตุเพคะ.......”

องค์จักรพรรดิมาดเคร่งขรึม กล่าวขึ้นว่า“ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องน้ำท่วม ข้ายังได้ยินมาว่าเจ้าช่วยเหล่าอาณาประชาราษฎร์ขับไล่โรคระบาด ช่วยให้เหล่าอาณาประชาราษฎร์เข้าเมือง จนกระทั่งขนาดผู้พิทักษ์เมืองยังกล้าลงโทษ ในหมู่อาณาประชาราษฎร์บอกต่อกันเมื่อเทียบกับผู้ที่ช่วยปลดทุกข์ให้ผู้อื่นพูดแล้วนั้นยังแม่นยำกว่า”

เฉินเสียนปาดน้ำตาแล้วกล่าวขึ้นว่า “เวลานั้นจิ้งเสียนก็มีอาการของโรคระบาดเช่นกันเพคะ จิ้งเสียนกลัวตาย มีแต่ตามหายาทุกแห่งทุกหน......และยังมีใต้เท้าผู้นั้น ในตอนแรกไม่ยินยอมปล่อยจิ้งเสียนเข้าเมือง เวลาต่อมาอยากใช้ประโยชน์จากจิ้งเสียนเลยไม่เป็นศัตรู ประจวบเหมาะกับมีใต้เท้าผู้อื่นบอกว่าเขาคดโกงรับสินบน จิ้งเสียนไม่รู้เบื้องหลังก็ถูกผลักให้นั่งบนศาลพิจารณาคดี ขนาดกฎหมายของต้าฉู่จิ้งเสียนยังไม่รู้เลยนะเพคะ จะตัดสินคดีได้อย่างไรกันเล่าเพคะ องค์จักรพรรดิได้โปรดมองให้ทะลุปรุโปร่งด้วยเถิดเพคะ........”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี