ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 372

อวี้เยี่ยนพูดขึ้นด้วยความโกรธเคืองต่อว่า : "ถ้าจะให้พูดขึ้นมาแล้วล่ะก็ นางน่าขยะแขยงกว่าเซียงซั่นมาก เซียงซั่นมีจุดจบแบบนั้น แต่พอมาวันนี้ ท่านแม่ทัพกลับเพียงแค่ไล่นางไปเท่านั้น

หม่อมฉันว่า ควรจะขายนางให้กับหอหมิงเย่ว์ หรือส่งนางไปอยู่รวมกับพี่ชายของนาง ก็ไม่เกินกว่าเหตุเลยแม้แต่นิดเดียว"

"นี่คงจะเป็นความรู้สึกครั้งสุดท้ายที่ฉินหรูเหลียงมีให้กลับหลิ่วเหมยอู่กระมัง ยังไงเสียเรื่องของพวกเขา ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า"

เมื่อเรื่องนี้ผ่านไป ฉินหรูเหลียงก็ได้ประกาศกับคนในจวนของท่านแม่ทัพ ว่าตั้งแต่นี้เป็นต้น หลิ่วเหมยอู่ไม่ใช่นายหญิงรองของจวนท่านแม่ทัพอีกต่อไป

สำหรับเรื่องนี้ เขาไม่ได้โยนหนังสือการหย่าร้างให้กับหลิ่วเหมยอู่ต่อหน้าสาธารณชน ก็ถือว่าเป็นการไว้หน้ามากแล้ว

ในเมื่อหลิ่วเหมยอู่ไม่ใช่นายหญิงรองอีกแล้ว ก็ควรจะออกจากจวนท่านแม่ทัพไป

เพียงแต่ว่านางยังคงคิดถึงการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ นางยังคงมีร่องรอยของภาพลวงตาเกี่ยวกับฉินหรูเหลียง ที่คิดว่าฉินหรูเหลียงจะกลับใจ และเปลี่ยนใจกลับมาให้โอกาสนางอีกครั้ง

หลิ่วเหมยอู่ไม่ยอมออกจากสวนดอกพุดตานไป แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนก่อนหน้านี้

ขณะที่พ่อบ้านได้เชิญหลิ่วเหมยอู่ออกจากจวนไปนั้น จู่ๆ นางก็ถือกรีชจี้ไปที่คอของตัวเองด้วยมือที่สั่นเทา พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "หากพวกเจ้าจะไล่ข้าไป ข้ายอมตายที่นี่เสียยังดีกว่า!"

พ่อบ้านเองก็ไม่อยากที่จะเอาชีวิตของคนมาเสี่ยง เมื่อลองหลายๆ วิธีแล้ว แต่กลับไม่เป็นผลเลย

พ่อบ้านที่จนปัญญา ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจไปเชิญเฉินเสียนมา

เฉินเสียนพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า : "นางอยากจะอยู่ก็ให้นางอยู่ต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน รอจนถึงวันที่หลิ่วเฉียนเฮ้อถูกลงโทษ นางก็จะจากไปเอง"

เพียงไม่นาน ก็มาถึงวันที่หลิ่วเฉียนเฮ้อถูกลงโทษ

เช้าตรู่ที่ตลาดเต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาของบรรดาเหล่าราษฎร

ว่ากันว่าเขากำลังจะประหารนักโทษที่เป็นกบฏหักหลังราชอาณาจักร และยังเป็นผู้ที่สังหารทหารนับไม่ถ้วนในสนามรบ

เมื่อเหล่าราษฎรได้พูดถึงเขา ต่างก็กัดกรามแน่นด้วยความโกรธ เหล่าทหารที่ตายไป ล้วนถูกคัดมาจากเหล่าราษฎรทั้งนั้น

ในตอนที่พวกเขาส่งเหล่าทหารออกไปนั้น ทหารเหล่านี้ก็ไม่มีวันจะกลับมาได้อีก พวกเขาจะไม่เจ็บปวดรวดร้าวและไม่โกรธแค้นได้อย่างไรกัน

ในตอนนี้มีนักโทษคนนี้แล้ว เหล่าราษฎรจึงโยนความโกรธแค้นและความเจ็บปวดทั้งหมดไปยังนักโทษคนนั้นคนเดียว

และในตอนที่หลิ่วเฉียนเฮ้อถูกส่งไปบนถนนนั้น เหล่าราษฎรต่างพากันเคียดแค้นด้วยความโกรธ ผักที่เหี่ยวเฉาและไข่ที่เน่าเสีย ถูกปาไปยังหัวของหลิ่วเฉียนเฮ้อทั้งหมด

เขาที่ถูกเคลื่อนย้ายมาตามถนน ถูกผู้คนนับไม่ถ้วนทั้งก่นด่าและสาปแช่งตลอดทาง

หากไม่มีเจ้าหน้าที่และทหารรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ทั้งสองฝั่งแล้วล่ะก็ เกรงว่าหลิ่วเฉียนเฮ้อคงจะถูกเหล่าราษฎรฉีกเป็นชิ้นๆ กลางถนนเป็นแน่แท้

ฉินหรูเหลียงเป็นประธานผู้พิพากษาของวันนี้ เขาขี่ม้านำอยู่ด้านหน้าสุด ตามมาด้วยรองผู้พิพากษา และเฮ่อโยวเองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

วันนี้เฉินเสียนตื่นตั้งแต่เช้าตรู่

อวี้เยี่ยนและแม่นมซุยรีบจัดการชำระร่างกาย แล้วจึงรับประทานอาหารเช้า

ในขณะที่อวี้เยี่ยนกำลังสวมชุดให้กับเฉินเสียนอยู่นั้น นางก็ถามขึ้นว่า : "วันนี้องค์หญิงจะออกไปข้างนอกหรือเปล่าเพคะ?"

"แน่นอน" เฉินเสียนเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แล้วจดกระดุมที่คอเสื้อ พูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า : "วันนี้เป็นวันสำคัญเชียวนะ"

อวี้เยี่ยนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจว่า : "งั้นรอให้องค์หญิงทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เดี๋ยวหม่อมฉันจะรีบไปเตรียมเลยเพคะ แล้วองค์หญิงจะให้เรียกนางหลิ่วไปด้วยหรือเปล่าเพคะ?"

"เรียกนางด้วย นางยังพอมีโอกาสที่จะบอกลากับพี่ชายของนาง"

หลิ่วเหมยอู่ที่ในตอนแรกไม่ยอมออกจากจวนเลยแม้แต่ก้าวเดียว แต่นางได้ยินมาว่าวันนี้คือวันที่พี่ชายของนางหลิ่วเฉียนเฮ้อจะถูกประหารชีวิต หากวันนี้ไม่ไปเจอหน้าเขาสักครั้ง ชาตินี้ทั้งชาติก็คงไม่มีโอกาสจะได้เห็นหน้าเขาอีก

ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วนางจะไม่สามารถช่วยหลิ่วเฉียนเฮ้อได้ แต่อย่างน้อยได้ส่งเขาหน่อยก็ยังดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี