ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 399

อวี้เยี่ยนเอ่ยทั้งขอบตาแดงก่ำว่า “องค์หญิงอย่างทรงคิดมากเลยเพคะ หมอหลวงบอกว่าต้องพยายามรักษาอารมณ์ให้ดีไว้จึงจะหายเร็วขึ้น แต่ตอนนี้องค์หญิงกลับไม่ยอมเสวย ทั้งยังไม่มีความสุข ไม่รู้ว่าต้องพักฟื้นอีกนานแค่ไหนร่างกายจึงจะกลับมาแข็งแรงเป็นปกติ”

“ยกลงไปเถอะ ข้าจะนอนพักเสียหน่อย”

อวี้เยี่ยนยังอยากจะพูดต่อ แต่เฉินเสียนนอนลงไปแล้วและหลับตาลงไม่สนใจสิ่งใด หากนางพูดต่อไปก็มีแต่จะรบกวนการพักผ่อนของเธอ

หมอหลวงมาตรวจชีพจรของเฉินเสียนทุกวัน แม้ว่าเธอจะฟื้นแล้ว แต่อวัยวะภายในกลับยังทรงตัวและอาการก็ยังไม่ค่อยทุเลา เมื่อดูจากอาการแล้ว หมอหลวงจึงปรับยาให้เธอใหม่

เฉินเสียนไอบ้างเป็นครั้งคราวในเวลากลางดึกซึ่งอากาศหนาวเย็น

แม้ว่าจะไม่ได้กินอาหารเย็นแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกหิวมากนัก

ภายในสวนสระวสันตฤดูตกอยู่ในความเงียบสงัด เหลือเพียงแสงจากโคมไฟสองดวงที่เปิดทิ้งไว้ ซึ่งดูเลือนรางนักเมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ดูเหมือนเธอจะได้ยินเสียงหิมะตกที่นอกหน้าต่าง

ในเมืองหลวงไม่เคยมีหิมะตกหนักอย่างเต็มที่ตั้งแต่ย่างเข้าเหมันตฤดู จะมีก็แต่เกล็ดหิมะขนาดเล็กที่มักจะตกลงมาเพียงเล็กน้อย เพียงแค่ครึ่งวันก็หยุดและละลายหายไปจนหมด

ในยามราตรีที่เงียบสงัด เฉินเสียนคิดว่าอวี้เยี่ยนกับแม่นมซุยคงหลับไปแล้ว พวกนางดูแลเธออย่างเหน็ดเหนื่อยในตอนกลางวัน พอตกดึกเธอจึงไม่ยอมให้พวกนางมาดูแลต่อ

เฉินเสียนเองก็หลับๆ ตื่นๆ หลังจากพ้นเที่ยงคืนไปแล้วมือและเท้าของเธอยังคงเย็นเยียบ แม้ว่าจะห่มผ้าห่มหนาๆ ก็ไม่อาจทำให้เธออุ่นขึ้นมาได้

ต่อมาเสียงกระซิบกระซาบที่ดังอยู่ในเรือนก็ปลุกเธอให้ตื่นขึ้น

แม้ว่าเธอจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน แต่ก็เป็นการนอนที่ไม่มีคุณภาพเลย แค่มีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้นมานิดเดียวก็ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาได้

หลังจากนั้นส่วนใหญ่เธอก็แค่หลับตาและทำเป็นไม่สนใจ

เสียงฝีเท้าดังมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู และเสียงของแม่นมซุยก็ดังมาจากด้านนอก “องค์หญิง หมอหลวงมาเพื่อตรวจร่างกายเพคะ”

เฉินเสียนกำลังล้มหมอนนอนเสื่อ ดังนั้นเมื่ออวี้เยี่ยนและแม่นมซุยเข้าออก ประตูทุกบานจึงถูกปิดไว้จากด้านนอก ตอนนี้จึงไม่มีใครเข้ามาพบเฉินเสียนที่นี่ได้โดยพลการ

ยังไม่ทันที่เธอจะตอบกลับ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมา พร้อมกันนั้นก็หอบเอากลิ่นอายของบรรยากาศที่สดชื่นมาด้วย

เฉินเสียนเอ่ยด้วยเสียงที่แหบพร่าอย่างไม่ยินดียินร้ายว่า “นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว จะมาตรวจอะไรอีก เอ้อร์เหนียง เชิญหมอหลวงกลับไปก่อน พรุ่งนี้เมื่อมีเวลาค่อยกลับมาก็ยังได้”

แม่นมซุยไม่ตอบ คิดๆ ดูแล้วก็น่าจะเป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับอาการของเธอ เมื่อใดก็ตามที่หมอหลวงมา นางจะเชิญหมอหลวงให้เข้ามาในห้องโดยไม่คำนึงว่าเป็นเวลาใด

เฉินเสียนได้ยินเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาเดินเข้ามาจากด้านนอกและตรงเข้ามาที่เตียงของเธอ เธอถอนหายใจและขยับตัวออกมาจากผ้าห่มเย็นๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นนั่งเอนหลังพิงหัวเตียง

ถึงอย่างไรเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะผล็อยหลับลงไปอีก ไหนๆ หมอหลวงก็มาแล้ว จะตรวจก็ปล่อยให้ตรวจไป

เฉินเสียนดึงชายผ้าห่มขึ้นมาและเอ่ยว่า “กลางดึกเช่นนี้หมอหลวงยังอุตส่าห์มาที่นี่เพื่อตรวจร่างกายข้า ช่างขยันขันแข็งต่อหน้าที่เสียจริง” พูดจบเธอก็เลิกแขนเสื้อของตัวเองขึ้นและวางข้อมือซึ่งซีดเซียวและผอมบางลงที่ขอบเตียง “ต้องตรวจชีพจรก่อนหรือไม่ เชิญหมอหลวงตามสบาย”

เธอไม่มีข้อห้ามมากนักเพราะอยากรีบทำให้จบ จะได้ใช้เวลาเงียบๆ อย่างสงบในยามดึก

หมอหลวงอยู่ห่างจากเตียงของเธอไปสองก้าวและไม่ได้ขยับเขยื้อน

กลิ่นหอมเย็นๆ อันเจือจางลอยเข้ามาเตะจมูกของเฉินเสียน เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยจนทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นส่ำ

กลิ่นหอมของไม้กฤษณา

เธอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวและพบว่านอกจากซูเจ๋อแล้ว เธอไม่ชื่นชอบกลิ่นเช่นนี้ที่มาจากตัวของคนอื่นเลย

เฉินเสียนยกเปลือกตาขึ้นด้วยสีหน้าที่เหนื่อยอ่อนและค่อยๆ กวาดสายตามองไปทางเขา

แต่ไม่คิดว่าสายตาจะชะงักอยู่กับที่ทันทีที่เหลือบไปมอง เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งและหลงเหลือไว้แต่เพียงแสงริบหรี่ภายในห้อง

บุรุษผู้นี้สวมชุดผ้าไหมสีน้ำเงินตัวยาวทรงกว้างเหมือนชุดของหมอหลวงในราชสำนัก เขาสวมหมวกขุนนาง ซึ่งภายใต้หมวกขุนนางนั้นมีใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติดุจดั่งภาพวาดที่เทพเนรมิต

ดวงตาของเขาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นเล็กน้อย ในแววตามีประกายให้เห็นรางๆ

เฉินเสียนมองเขาและชะงักอยู่เช่นนั้น แววตาสีขาวและดำที่ตัดกันค่อยๆ มีประกายใสๆ รื้นขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี