ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 405

เมื่อความลับรั่วไหลออกไป ถึงแม้องค์จักรพรรดิจะทรงขี่เสือลำบากขึ้น แต่ไม่ว่ายังไงผลลัพธ์ก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี บุรุษหลงในหญิงงาม เหตุผลนี้จึงเข้าใจได้ง่ายขึ้น

องค์จักรพรรดิกลับทรงคิดว่าคนคนหนึ่งที่ลุ่มหลงในสุราและหญิงงาม จะควบคุมและดึงมาเป็นพรรคพวกง่ายกว่า

และเมื่อเฮ่อฟั่งมาถึง องค์จักรพรรดิจึงได้อบรมเขาเป็นการใหญ่

เฮ่อฟั่งรู้ว่าตัวเองนั้นก่อเรื่องที่หอนางโลมไว้ และได้ถูกตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้น ขอร้องวิงวอนอภัยโทษ

อันที่จริงแล้วตอนที่เขาไปเที่ยวหอนางโลมนั้นเป็นเวลาดึกดื่นค่อนคืน เฮ่อฟั่งดื่มเหล้าจนเมามายไม่ได้สติ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเขาเองได้พูดหรือไม่ได้พูดอะไรออกไปบ้าง

เมื่อรู้ว่าตอนนี้องค์จักรพรรดิได้ทรงทราบเรื่องเกี่ยวกับอนุในเรือนของเขาแล้ว องค์จักรพรรดิก็ได้กล่าวถึงเรื่องอนุของเขาด้วย และทรงทราบว่าอนุทั้งสองนั้นมาจากไหนเขาจึงตกใจจนแทบจะเป็นลม

เฮ่อฟั่งปกปิดความจริงไม่ยอมเปิดเผยให้กระจ่าง พูดให้ถูกหน่อย ก็คือไม่จงรักภักดีและหลอกลวงองค์จักรพรรดิ

แต่ไม่ทันที่องค์จักรพรรดิจะทรงได้สอบสวนเกี่ยวกับที่มาของอนุ หมอหลวงก็ได้เข้ามารายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าของอาการป่วยเฉินเสียน ว่าตอนนี้อาการป่วยของเธอเบาลงแล้ว และอาการก็เริ่มดีขึ้นในทุกๆ วัน ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว

เพียงแต่ว่าอาการบาดเจ็บในครั้งนี้ค่อนข้างสาหัส ต้องใช้เวลาในการรักษาตัวนานพอควร จึงจะสามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาวะปกติดังเดิมได้

ความพิโรธขององค์จักรพรรดิที่เพิ่งจะสงบลง ก็เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้ง

หากไม่ใช่เพราะเป่ยเซี่ยยื่นมือเข้ามาพัวพัน เฉินเสียนก็คงจะตายไปแล้วแท้ๆ

เฮ่อฟั่งที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เห็นโอกาสที่จะเบี่ยงเบนความสนใจขององค์จักรพรรดิให้พ้นจากการลงโทษเขา จึงรีบพูดขึ้นว่า : "ฝ่าบาทโปรดทรงเย็นพระทัยลง! ฝ่าบาทยังทรงลงมือด้วยวิธีอื่นได้ หากเราไม่สามารถที่จะถอนต้นกล้าออกมา เรายังสามารถขุดดินใต้รากของมันได้ เมื่อไม่มีดินแล้ว ต้นกล้าก็จะไม่สามารถดำรงอยู่ต่อไปได้พ่ะย่ะค่ะ"

องค์จักรพรรดิทรงสงบนิ่งลง และทรงโบกพระหัตถ์ให้หมอหลวงถอยออกไป จากนั้นจึงทรงทอดพระเนตรไปยังเฮ่อฟั่งด้วยสายพระเนตรที่เย็นยะเยือก : "เจ้าหมายถึงซูเจ๋อหรือ?"

"กระหม่อมรู้สึกว่า แม้ว่าปกติซูเจ๋อจะประพฤติตัวถูกต้องและไม่พบร่องรอยของความผิดพลาดประการใดเลย แต่ว่ายิ่งไม่ผิดพลาดก็ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ องค์หญิงจิ้งเสียนเป็นเพียงหญิงนางหนึ่ง อยู่ข้างนอกนั่นจะรู้วิธีการเอาชนะใจราษฎรได้อย่างไรกัน อีกอย่างตอนนั้นองค์หญิงมีซูเจ๋อเคียงข้าง ต้องเป็นเขาที่วางแผนคิดแทนนางอย่างแน่นอน"

แน่นอนว่าองค์จักรพรรดิทรงรู้ดีอยู่แล้ว แต่ซูเจ๋อสามารถนำการเจรจาสันติภาพกับเย่เหลียงกลับมาได้นั้นถือว่าเป็นผลงานที่ทรงเกียรติ พระองค์จึงไม่ได้ทำอะไรเขาทั้งสิ้น

เฮ่อฟั่งจึงพูดต่อว่า : "และครั้งนี้ พอเหมาะพอเจาะกับองค์หญิงจิ้งเสียนที่ป่วยสาหัส ทางเป่ยเซี่ยก็ได้ส่งวารสารมา หากไม่ใช่เพราะมีคนส่งสารอย่างลับๆ กับทางเป่ยเซี่ย จะทันการแบบนี้ได้อย่างไรกัน ทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายค้าน ยังจะมีใครที่ไม่อยากให้องค์หญิงจิ้งเสียนตายดังเช่นเขาอีกเล่าพ่ะย่ะค่ะ?"

หลายปีมานี้ซูเจ๋อได้ริเริ่มที่จะยอมจำนนเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางอาวุธยุทโธปกรณ์ระหว่างยุคกลางมาโดยตลอด หลายปีที่ผ่านมานี้เขาพยายามประพฤติตนให้เหมาะสมและปฏิบัติตนด้วยความสงบเสงี่ยมเจียมตัวเสมอมา ไม่เคยข้องเกี่ยวเกินเลยกับเฉินเสียนแม้เพียงนิดเดียว

องค์จักรพรรดิใช่ว่าจะไม่เคยคิดมาก่อน หากบุคคลในความมืดที่คอยช่วยเหลือเฉินเสียนมาโดยตลอดเป็นเขาจริงๆ เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้จิตใจลึกลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก ที่ปกปิดตัวตนและอดทนมาโดยตลอดเช่นนี้ได้

ถึงแม้ว่าในเวลานี้จะเป็นอย่างนี้ ซูเจ๋อก็ยังทำเช่นดังเดิม สอนหนังสือตำราในวิทยาการศึกษาไท่ ไม่ยอมเผยตัวตนออกมาแม้แต่นิดเดียว สรุปแล้วคนผู้นี้กำลังเฝ้าดูการเติบโตของจิ้งเสียนหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจจะเก็บเขาไว้ได้อีกต่อไป

เฮ่อฟั่งจึงพูดขึ้นว่า : "ปีนั้นเพื่อความเสถียรภาพของรัชสมัยก่อนหน้าและเหล่าขุนนางเก่า จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะเก็บเขาไว้ได้ แต่บัดนี้รัชสมัยปัจจุบันเป็นที่มั่นคงดีแล้ว เขาก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป สู้เริ่มจากซูเจ๋อก่อนไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ"

องค์จักรพรรดิไม่สามารถลงมือกับเฉินเสียนได้ หรือว่าเขาจะไม่สามารถทำอะไรซูเจ๋อได้ด้วยอย่างงั้นหรือ?

รอให้พระองค์ขุดดินใต้รากนั่นจนหมดสิ้นแล้ว เฉินเสียนเองเป็นเพียงแค่องค์หญิงของราชวงศ์ก่อนหน้านี้ เธอเป็นหญิงเพียงนางหนึ่ง ก็คงจะโอนเอนและสั่นคลอนอย่างแน่นอน

เมื่อคิดแบบนี้แล้วความกังวลในพระทัยขององค์จักรพรรดิก็เบาบางลง วิธีการที่ใช้นั้นอาจจะซับซ้อนและวุ่นวายกว่าบ้างก็เท่านั้นเอง

สีหน้าพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิดุจเมฆฝนที่หยุดโหมกระหน่ำลง พระองค์ทรงรับสั่งให้เฮ่อฟั่งไปจัดการเรื่องนี้ และไม่ได้สอบสวนเรื่องที่เขามักมากในหญิงงามต่อไปอีก ในท้ายที่สุดพระองค์เพียงแค่อบรมสั่งสอนเขา เมื่อเรื่องราวจบลง พระองค์ก็ไม่ลืมที่จะประทานลูกกวาดหวานให้กับเขาด้วย องค์จักรพรรดิได้ทรงพระราชทานนางระบำที่สวยสดงดงามของราชวังให้เขาถึงสองนาง และทรงอนุญาตให้เฮ่อฟั่งเป็นคนไปเลือกเอง

เฮ่อฟั่งน้อมรับด้วยความปีติดีใจ และตั้งใจจะใช้งานนี้เพื่อเป็นโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งให้ตัวเอง จะต้องตั้งใจให้มากขึ้นกว่าเดิม

ในระหว่างที่เฉินเสียนกำลังพักรักษาตัวอยู่นั้น เวลาที่ไม่มีอะไรทำ เธอก็มักจะอ่านตำราอยู่เสมอ

ตรงไหนที่เธอไม่รู้ก็จะไปถามฉินหรูเหลียง บางครั้งก็ยังคุยปรึกษาเรื่องกลยุทธ์กับฉินหรูเหลียงอีกด้วย บางทีก็พากันคุยจนปาไปครึ่งค่อนวันได้

เพราะถึงอย่างไรแล้วฉินหรูเหลียงเองก็ว่างมาก และเขาเองก็ยินดีที่จะถ่ายทอดความรู้ของตัวเองให้กับเฉินเสียน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี