ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 421

ตอนนั้นซูเจ๋อถูกค้นเรือนอย่างไร ตอนนี้ก็ถึงทีของเฮ่อฟั่งบ้างแล้ว

ความโชคดีไม่ได้คงอยู่ตลอดไป ซึ่งนี่คือความยุติธรรม

เพียงแต่ตอนนั้นไม่พบหลักฐานการกระทำผิดใดๆ จากเรือนของซูเจ๋อ และตอนนี้เป็นเรื่องจริงที่เฮ่อฟั่งกระทำผิดมานับครั้งไม่ถ้วน

เขาลบล้างสิ่งเหล่านี้ไม่ได้

ผู้คนในเมืองหลวงพูดถึงเขาและเห็นแจ้งว่าน่าเชื่อถือ

เฉินเสียนกลับเข้าไปในโรงน้ำชาอีกครั้งเพื่อดื่มชา ได้ยินมาว่าบุรุษนักเล่าเรื่องนำเรื่องนี้มาเล่าอย่างยินดีปรีดาที่เห็นคนกระทำผิดถูกลงโทษ

กล่าวกันว่าวันต่อมา บุรุษนักเล่าเรื่องได้นำเรื่องของบัณฑิตซูเจ๋อมาเล่า

บัณฑิตผู้รับใช้ราชสำนักอย่างซื่อสัตย์อาจถูกขุนนางใจหมาเฮ่อฟั่งใส่ร้ายป้ายสี เฮ่อฟั่งกระทำทุจริตหาอำนาจในทางที่มิชอบ รวบรวมสมัครพรรคพวก ขุดรากถอนโคนผู้เห็นต่าง ก่อกรรมทำชั่วทุกรูปแบบ

ผู้คนฟังแล้วต่างก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าใครคือขุนนางที่ซื่อสัตย์ ใครคือขุนนางที่คดโกง

เวลานี้จักรพรรดิเพิ่งอ่านผลการพิจารณาคดีที่กรมอาญาถวายให้ แม้ว่าเฮ่อฟั่งจะยังคงให้การปฏิเสธ แต่หลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่นั้นชัดเจนและถูกต้อง

เงินทองและจดหมายที่พบเจอในเรือนของเขาเป็นสิ่งที่เขาปฏิเสธไม่ได้โดยสิ้นเชิง

จักรพรรดิทรงพิโรธขึ้นมาอย่างฉับพลัน ไม่เพียงแต่เรื่องที่หนักหัวอยู่จะยังไม่ได้รับการแก้ไข ผลลัพธ์เช่นนี้ยิ่งทำให้พระองค์ผิดหวังในตัวเฮ่อฟั่งเป็นอย่างมาก

ปกติเฮ่อฟั่งเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก เขาทำทุกอย่างเพื่อให้จักรพรรดิทอดพระเนตรเห็น ไม่คิดเลยว่าภายใต้เปลือกนอกที่อ่อนน้อมเหมือนหมาเชื่อง เบื้องหลังกลับเป็นหมาป่าตาขาวที่หิวกระหาย

จักรพรรดิทอดพระเนตรเงินและทองคำแท่งที่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่ตรงหน้า เฮ่อฟั่งเป็นผู้ที่โลภมากอย่างแท้จริง

หากเป็นในยามปกติ จักรพรรดิจะต้องรับสั่งให้ตัดศีรษะของเฮ่อฟั่งโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา

แต่ตอนนี้ไม่ใช่... เรื่องของเฮ่อฟั่งเกิดขึ้นในเวลาที่ไม่เหมาะสม เห็นได้ชัดว่ามีคนบงการอยู่เบื้องหลัง

จักรพรรดิตรัสกับนางกำนัลที่อยู่ข้างกายว่า “นำคำสั่งของข้าไปบอกกรมอาญา ยังไม่ต้องรีบร้อนตัดสินคดีของเฮ่อฟั่ง คดีของซูเจ๋อยังไม่เสร็จสิ้น หลังจากคดียุติแล้วค่อยนำคดีนี้มาพิจารณาใหม่”

ที่คุกภายในศาลยุติธรรมต้าหลี่ตกอยู่ในความสงบมาสองวัน

ผู้คุมเฝ้าห้องขังที่ซูเจ๋อถูกคุมขังอยู่โดยไม่กล้าหย่อนยาน ซูเจ๋อไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดทั้งวัน ความเงียบจึงเข้าครอบคลุม

ผู้คุมสองคนต่างผิงไฟให้ตัวเอง บางครั้งก็นำสุราและอาหารเล็กๆ น้อยๆ มาอุ่นท้องด้วย

เปลวเพลิงในเตาถ่านคุกรุ่นส่องประกายจนทำให้เกิดเป็นเงาร่างบนผนังที่มืดสลัว แฝงไปด้วยพลังอันเต็มเปี่ยมและความเฉลียวฉลาด

ทันใดนั้นซูเจ๋อก็เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ทันคาดคิด เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งว่า “ดูเหมือนสองวันมานี้ใต้เท้าเฮ่อจะยุ่งมากและไม่สนใจข้าเลย”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เมื่อซูเจ๋อพูด เขาจะมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้ผู้คนปฏิเสธไม่ได้

น้ำเสียงของเราเรียบนิ่งน่าฟัง ไม่มีการวางมาด และดูเหมือนเป็นการพูดเรื่องทั่วๆ ไปกับผู้คุม

เมื่อผู้คุมทั้งสองคนได้ยินดังนั้นจึงมองหน้ากันและกันแวบหนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองซูเจ๋อและกล่าวว่า “เช่นนี้ไม่ใช่โอกาสที่จะฉวยความสุขหรอกหรือ เมื่อใต้เท้าเฮ่อไม่อยู่ ท่านเองก็ไม่ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัว”

การเป็นบัณฑิตแห่งราชสำนัก เป็นราชครูขององค์ชายและองค์หญิง ไม่เพียงแต่จะมีความรู้อย่างลึกซึ้งในศาสตร์หลายแขนงและมีคุณธรรมสูงส่ง แต่ตามความเข้าใจของผู้คุม เขาดูไม่เหมือนคนเจ้าเล่ห์สับปลับเลยสักนิด

คนที่ไม่สนเรื่องการแก่งแย่งชิงดีและพอใจกับความสงบเรียบง่ายเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นสายลับจากอาณาจักรเป่ยเซี่ย

เพียงแต่ว่าผู้คุมมีหน้าที่ต้องควบคุมดูแลนักโทษในคุก ไม่มีอำนาจอะไร แม้ว่าจะมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล พวกเขาก็พูดอะไรไม่ได้อยู่ดี

ซูเจ๋อกล่าวว่า “การเจ็บเนื้อเจ็บตัว ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่การเจ็บเนื้อเจ็บตัว”

ผู้คุมฟังแล้วเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจ

ผู้คุมคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าใต้เท้าเฮ่อมีคดีถูกฟ้องร้อง ตอนนี้อยู่ในคุกของกรมอาญา ตอนนี้ก็เลยไม่มีเวลามาสนใจท่าน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี