ไหนเลยฉินหรูเหลียงจะไม่เข้าใจเธอ ขอเพียงเธอมีวิธี เธอจะต้องลงมือทำให้ได้อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่ยอม
แต่ถ้าปล่อยให้เธอทำตามใจ ฉินหรูเหลียงก็ดูเหมือนจะไม่ยอมเช่นกัน
ฉินหรูเหลียงถามว่า “ถ้าข้าไม่พาท่านไปหาผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่ล่ะ”
“ข้าก็จะหาทางเอาเอง” เฉินเสียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “นี่ก็ผ่านมาสี่วันแล้วที่ยังไม่ได้ข่าวจากเจียงหนาน หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะยังต้องสูญเสียอีกหรือไม่ ข้าไม่รู้ว่าหากไม่ได้เจอกันครั้งนี้ ครั้งหน้าจะต้องเจอกันที่ลานประหารหรือเปล่า บางทีครั้งต่อไป... อาจจะได้เจอกันที่ถนนยมโลก”
ฉินหรูเหลียงชะงัก
“ท่านลองบอกข้าสิ ข้าจะยอมทิ้งโอกาสเช่นนี้ไปเฉยๆ ได้อย่างไร” เฉินเสียนกล่าว
ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปาก เขาหันไปทางตู้เสื้อผ้าและเลือกชุดที่หนาที่สุดมา เลิกผ้าห่มออกและนำชุดมาคลุมไว้รอบร่างที่ผอมบางของเฉินเสียน
เฉินเสียนกางแขนออกอย่างให้ความร่วมมือ จากนั้นจึงสวมมือเข้าไปในแขนเสื้อที่เย็นเยียบ
ฉินหรูเหลียงกระชับเสื้อคลุมของเธอให้มิดชิดและห่อตัวด้วยเสื้อคลุมอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยอย่างกัดฟันทนว่า “เกรงว่าถ้าเขาตายจริงๆ ท่านคงจะใช้ชีวิตอย่างหมดอาลัยตายอยาก ถ้าได้เจอเขา ท่านคงจะมีกำลังใจในการชีวิตต่อไป ข้าจึงยอมทำตามที่ท่านต้องการ”
เฉินเสียนมองร่างกายสูงๆ ของเขาย่อตัวลงอย่างเลื่อนลอย เขานั่งยองๆ อยู่ที่ข้างเตียงและหยิบรองเท้าของเธอขึ้นมา มืออีกข้างจับที่ข้อเท้าของเธอและสวมรองเท้าให้
ฉินหรูเหลียงเงยหน้ามองเธออีกครั้งหลังจากสวมรองเท้าให้เธอเรียบร้อย เขากล่าวว่า “เป็นอะไร โง่หรือไง? นี่เพิ่งจะเที่ยงคืน ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ อาจจะไปไม่ทันช่วงแลกเปลี่ยนเวรที่ศาลยุติธรรมต้าหลี่ก็ได้”
เฉินเสียนฟื้นคืนสติและลุกขึ้นยืนอย่างคล่องแคล่ว เธอปัดชายกระโปรงและออกเดินไปพร้อมกับเอ่ยว่า “ขอบใจนะ ฉินหรูเหลียง”
เมื่อออกไปจากจวน ทั้งสองคนก็ไม่มีเวลาเอ้อระเหยอยู่บนท้องถนน ฉินหรูเหลียงคว้าเอวของเฉินเสียนไว้และพาเธอลอยทะลุตรอกซอกซอยไปอย่างรวดเร็ว
ความมืดมิดยามค่ำคืนตลอดสองข้างทางดูเหมือนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนเท้าทั้งสองข้างกำลังลอยอยู่ในอากาศที่ว่างเปล่า
เมื่อมาถึงจวนของผู้พิพากษา ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่ก็ลุกจากเตียงอันอบอุ่น เขาเปลี่ยนไปสวมชุดอย่างเรียบร้อยและออกไปที่ศาลยุติธรรมต้าหลี่ในค่ำคืนนั้น
แม้ว่าเขาจะรู้สึกอึดอัดใจ แต่ในเมื่อตัดสินใจยืนอยู่ข้างองค์หญิงจิ้งเสียนแล้ว เขาจึงไม่อาจถอนตัวออกมากลางคัน
ด้วยเหตุนี้ฉินหรูเหลียงกับเฉินเสียนจึงเปลี่ยนไปสวมชุดขององครักษ์ คอยคุ้มกันเกี้ยวของผู้พิพากษาซึ่งตรงไปยังศาลยุติธรรมต้าหลี่
หลังจากเข้าไปในศาลยุติธรรมต้าหลี่ ผู้พิพากษาจึงฝากให้คนสนิทที่ไว้ใจได้นำข้อความไปบอกผู้คุมที่กำลังจะมาเปลี่ยนเวร ว่าคืนนี้ไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่และให้พวกเขากลับไปพักผ่อนได้เลย
ในไม่ช้าคนสนิทก็นำเสื้อผ้าของผู้คุมมาให้สองชุด
เฉินเสียนกับฉินหรูเหลียงเปลี่ยนชุดและรับตราคำสั่งสำหรับเปลี่ยนเวรเอาไว้ จากนั้นจึงฟังสิ่งที่คนสนิทของผู้พิพากษากำชับเรื่องจุดตรวจทั้งหมดที่ต้องผ่านระหว่างทางที่ไปยังคุก หลังจากนั้นทั้งสองคนจึงตรงไปที่นั่นด้วยท่าทีที่สงบ
ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่มองแผ่นหลังของทั้งสองคนที่เดินจากไป เขายกมือขึ้นมาปิดปากหาวและกล่าวว่า “คืนนี้คงไม่ต้องนอนอย่างสงบกันแล้ว”
เขาเองก็ไม่กล้าออกไปจากศาลยุติธรรมต้าหลี่ หากมีบางอย่างเกิดขึ้นเข้าจริงๆ เขาจะต้องเป็นคนออกมารับหน้า ดังนั้นจึงต้องไปพักผ่อนเตรียมพร้อมที่ห้องรับรองชั่วคราวหนึ่งคืน เมื่อนอนลง เขาก็พูดกับคนสนิทที่อยู่ข้างกายว่า “พรุ่งนี้หากมีใครถาม ให้บอกไปว่าข้าทะเลาะกับภรรยาและถูกไล่ออกจากห้องกลางดึก ข้าไม่มีที่ไปจึงต้องมานอนที่ศาลยุติธรรมต้าหลี่หนึ่งคืน”
โชคดีที่ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่มีภรรยาที่ดุๆ อยู่หนึ่งคน และนั่นไม่ใช่ความลับอะไร
การทะเลาะกันจนถูกไล่ออกจากเรือนเป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
ด้านหน้าคุกของศาลยุติธรรมต้าหลี่มีลานจุตรัสที่กว้างขวางมาก ลานนี้มีพื้นที่ล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน ป้องกันไม่ให้ใครแหกคุกหรือบุกเข้ามา และองครักษ์จะตีโอบเข้ามาจากทุกทิศทางได้ในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...