ขณะที่สุนัขฉินและไก่หลิ่วกำลังพลอดรักกันจะไม่มีสาวใช้อยู่เป็นก้างขวางคอ และก่อนนอนหลิ่วเหมยอู่ยังต้องกินยาอีกครั้ง ดังนั้นตอนนี้อวิ๋นเอ๋อร์จึงออกมาจากสวนดอกพุดตานเพื่อนำยาไปให้หลิ่วเหมยอู่
หลังจากดูลาดเลาแล้ว เฉินเสียนก็ลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ เธอปัดเศษหญ้าที่กระโปรงก่อนจะก้าวออกมาจากพงหญ้าและปรากฏกายที่ด้านหลังอวิ๋นเอ๋อร์
ขณะนั้นอวิ๋นเอ๋อร์ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากทางด้านหลังและสังเกตเห็นใครบางคน นางหันกลับไปมองด้วยความตื่นตระหนก
แต่ยังไม่ทันที่นางจะเห็นว่าเป็นใคร เฉินเสียนก็ฟาดกระบองในมือลงที่ศีรษะของอวิ๋นเอ๋อร์จนนางสลบไปทันที
เธอเคลื่อนไหวอย่างแคล่วคล่องว่องไวปานสายฟ้าจนอวี้เยี่ยนที่อยู่ข้างกายถึงกับตะลึงงัน
เฉินเสียนหยิบกระสอบออกมาและใส่ร่างของอวิ๋นเอ๋อร์ไว้ในนั้น จากนั้นก็ลากกระสอบเดินออกไปอย่างสบายๆ ราวกับกำลังลากสิ่งของ เธอส่งกระบองในมือให้อวี้เยี่ยนถือไว้พลางพูดโดยที่ไม่หันกลับไปมองว่า “อวี้เยี่ยน เข้ามาใกล้ๆ หน่อย อีกสักพักถ้านางฟื้น เจ้าช่วยตีนางให้สลบไปอีกทีนะ เข้าใจไหม”
อวี้เยี่ยนกอดท่อนไม้ไว้แน่นและพยักหน้าอย่างงงงัน “เข้าใจ เข้าใจเพคะ”
เด็กสาวตัวน้อยเดินตามองค์หญิงของนางต้อยๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกขึ้นมาว่าเบื้องหลังขององค์หญิงของตนนั้นช่างสูงส่งนัก และมันทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
แถมองค์หญิงยังลากอวิ๋นเอ๋อร์ไปด้วยมือเพียงข้างเดียว ช่างทรงพลังไม่ต่างจากวัว!
หลังจากเดินไปสักพัก เฉินเสียนก็สลับเป็นมืออีกข้าง
อวี้เยี่ยนเห็นดังนั้นจึงรีบเดินมาข้างหน้าและกล่าวว่า “องค์หญิงพักเถอะเพคะ ให้บ่าวทำแทนเอง ถ้าออกแรงมากแล้วเกิดเจ็บครรภ์ขึ้นมาจะทำอย่างไรเพคะ”
เฉินเสียนหยุดเดินและหันไปมองอวี้เยี่ยนด้วยสีหน้าขบขัน รอยแผลเป็นบนใบหน้าของเธอมองเห็นไม่ค่อยชัดนักในยามค่ำคืน ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์นวลผ่องสะอาดตา สายลมยามค่ำพัดพาชายกระโปรงของเธอให้พลิ้วไหว รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก ดูอ่อนโยนและงดงามยิ่งนัก
อวี้เยี่ยนถึงกับเหม่อลอยเมื่อได้เห็น องค์หญิงงดงามขนาดนี้ บนโลกนี้ยังจะมีชายหนุ่มที่ไม่ชอบพระองค์ได้อย่างไรกัน พวกนั้นต้องตาบอดไปแล้วแน่ๆ
เฉินเสียนเลิกคิ้วเมื่อเห็นนางนิ่งงันไป “ยืนนิ่งทำอะไรอยู่ ไม่ได้จะมาทำแทนข้ารึ”
อวี้เยี่ยนได้สติกลับมาอีกครั้ง นางรับกระสอบจากมือเฉินเสียนด้วยความฮึกเหิม จากนั้นจึงออกแรงลากไปข้างหน้า
ปรากฏว่านางเป็นเพียงกระทิงตัวน้อยที่ดื้อดึงจะลากคันไถไปข้างหน้า เมื่อเดินไปได้พักหนึ่งนางก็หายใจหอบอย่างอ่อนแรง เมื่อหันกลับไปมองจึงเห็นว่าเฉินเสียนยืนอยู่ห่างจากจุดเมื่อครู่ไปเพียงไม่กี่ก้าว
เฉินเสียนเดินเข้ามารับช่วงและกล่าวว่า “อวี้เยี่ยน แค่นี้ก็หมดแรงแล้วหรือนี่”
อวี้เยี่ยนหัวเราะขื่นๆ และกล่าวว่า “บ่าวเทียบองค์หญิงไม่ได้หรอกเพคะ บ่าวไม่ได้ฝึกฝนพิเศษแบบองค์หญิง”
“หืม?” เฉินเสียนถามว่า “ข้าเคยฝึกพิเศษด้วยงั้นหรือ”
อวี้เยี่ยนชะงัก รู้สึกเหมือนตัวเองพูดอะไรผิดไป
“ใครฝึกให้ข้า” เมื่อเห็นนางเงียบไปเฉินเสียนจึงถามต่อ
“เอ่อ ก็แค่เมื่อก่อนเพคะ ตอนที่พระราชบิดาขององค์หญิงยังมีชีวิตอยู่ ท่านเชิญคนมาสอนองค์หญิง” อวี้เยี่ยนกลัวเฉินเสียนจะถามอะไรอีกจึงกล่าวต่อไปว่า “องค์หญิง เรื่องในอดีตเมื่อจำไม่ได้ก็อย่าไปนึกถึงเลยเพคะ มันไม่ใช่ความทรงจำที่แสนสุขอะไรเลย”
ลึกๆ แล้วอวี้เยี่ยนไม่ต้องการกระตุ้นให้เฉินเสียนนึกถึงเรื่องในอดีต นางคิดว่าแค่ได้ใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไปมันก็ดีมากอยู่แล้ว
แค่เพียงนึกถึงก็รู้สึกทันทีว่าคนเรานั้นเปลี่ยนไปได้แค่ไหน
ในอดีตเฉินเสียนเคยเก็บอะไรหลายอย่างไว้ในใจ ไม่มีวันไหนเลยที่เธอจะผ่านวันคืนเหล่านั้นมาได้อย่างสบายใจ ถ้าเธอจำได้ว่าพระราชบิดากับพระราชมารดาสวรรคตอย่างทรมานเพียงใดในพระราชวังนั่น อวี้เยี่ยนกังวลว่าองค์หญิงจะกลายเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีก ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความจริงอันโหดร้ายเหล่านั้นนางจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เฉินเสียนอยากจะถามต่อว่าคนที่ฝึกสอนเธอเป็นคนแบบไหน แต่อยู่ๆ อวิ๋นเอ๋อร์ก็ฟื้นขึ้นมาขัดจังหวะพอดี
อวิ๋นเอ๋อร์ดิ้นรนอยู่ในกระสอบอย่างทุลักทุเล
เฉินเสียนขยิบตาให้ตาอวี้เยี่ยนหนึ่งที ตอนแรกอวี้เยี่ยนขลาดกลัวเล็กน้อย แต่นางจะปล่อยให้อวิ๋นเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาไม่ได้ คนอื่นๆ อาจจะรู้ตัวได้ถ้าอวิ๋นเอ๋อร์ร้องโวยวายขึ้นมา เมื่อนางนึกถึงคราวที่อวิ๋นเอ๋อร์ขังนางไว้ในห้องยาโดยปราศจากความช่วยเหลือ อวี้เยี่ยนก็ขจัดความว้าวุ่นใจออกไป ตอนนี้มีองค์หญิงอยู่ทั้งคน นางจะต้องกลัวอะไรอีก!
ดังนั้นอวี้เยี่ยนจึงกัดฟัน ยกกระบองขึ้นพลางหลับตาและเหวี่ยงแขนฟาดลงบนกระสอบ
หลังจากฟาดไปสองครั้ง อวิ๋นเอ๋อร์ที่อยู่ข้างในก็ส่งเสียงร้องอู้อี้ออกมา จากนั้นเสียงก็เงียบหายไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...