เสี่ยวเฮอพูดไปเยอะมากแล้ว แต่คิดว่าเขาคงฟังไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงไม่พูด อย่างไรก็ตามเธอเพียงแค่เฝ้าดูอย่างใกล้ชิดมากขึ้นก็น่าจะได้
ลานด้านหน้าของโรงเรียนไท่ค่อนข้างโล่งและว่างเปล่า
ตรงกลางมีต้นหวู่ถงใหญ่ยักษ์ตระการตา มีกิ่งก้านแผ่ซ่านไปทั่ว เมื่อฤดูผลัดเปลี่ยนจากใบไม้ผลิไปเป็นฤดูร้อน ดอกของต้นหวู่ถงจะบานสะพรั่ง สถานที่แห่งนี้จึงเป็นทิวทัศน์ที่มีเอกลักษณ์ แต่ตอนนี้ไม่มีดอกหรือใบบนกิ่ง มีแต่หิมะที่หลงเหลืออยู่
ประตูห้องเรียนเปิดแง้มไว้ มองเห็นเด็กที่น่าจะโตกว่าเจ้าน่องน้อยนั่งกันข้างในประปราย
เจ้าน่องน้อยไม่มีทีท่าจะเดินเข้าไปในห้องเรียน เขายืนอยู่ที่ลานด้านหน้าอย่างโดดเดี่ยวและเดียวดาย ใส่เสื้อขนเป็ดนุ่ม ๆ ใบหน้าที่บอบบางและขาว ราวกระเบื้องเคลือบสีสันสดใส
เสี่ยวเฮอรู้สึกสงสาร ยืนนานเกรงว่าจะเหนื่อย เธอบีบแขนเสื้อและกวาดรากหนาของต้นหวู่ถงที่ยื่นไปที่พื้น กวาดคราบหิมะออก และให้เจ้าน่องน้อยนั่งลงบนรากไม้
เจ้าน่องน้อยย่อตัวลง และนั่งลงไป
เขาจ้องมองไปที่หน้าต่างของห้องเรียน และบางครั้งก็ได้เห็นผู้ชายรูปร่างสูงในชุดขุนนางเดินผ่านไปมาระหว่างช่องหน้าต่าง แววตาของเจ้าน่องน้อยจับจ้องไปที่เขาคนนั้น
เสี่ยวเฮอชี้ไปที่อาจารย์ที่อยู่ในห้องเรียน และแอบกระซิบบอกเจ้าน่องน้อยว่า "คนนั้นเป็นอาจารย์ผู้ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชามากที่สุดในโรงเรียนไท่ ต่อไปหากท่านชายน้อยได้เรียนกับเขา ในอนาคตอาจจะได้เป็นอย่างเขาก็เป็นได้"
ซูเจ๋อยืนอยู่ข้างหน้าต่าง ถือม้วนหนังสืออยู่ในมือ และเมื่อเขาได้ยินเสียงกระซิบกระซาบใต้ต้นหวู่ถง เขาก็หันศีรษะทันที หลังจากนั้นเขาก็มองเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ใต้ต้นหวู่ถงคือเจ้าน่องน้อย
เสี่ยวเฮอทั้งกลัวและตกใจ กล่าวด้วยเสียงเบา "แย่แล้ว ถูกจับได้แล้ว เขาจะไล่พวกเราออกไปไหม?"
ซูเจ๋อหรี่ตาลง เจ้าน่องน้อยก็หรี่ตาลง กะพริบตาซ้ายและขวา การแสดงออกซ้อนทับกันอย่างน่าประหลาดใจ
หลังจากนั้นซูเจ๋อทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้สอนหนังสือต่อไป
เสี่ยวเฮอกล่าว "ใต้เท้ามองเห็นพวกเราแล้ว แต่กลับทำเป็นมองไม่เห็น หรือเขาเห็นว่าเจ้ามีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เลยไม่ต้องการไล่พวกเราออกไป?"
เจ้าน่องน้อยเอียงสายตาไปมา และมองไปที่เธอ ราวกับจะบอกว่า เหตุผลที่ทำให้เขามองเห็นก็เพราะเจ้าพูดมากเกินไป
เสี่ยวเฮอตกตะลึงอีกครั้ง "ท่านชายน้อย ท่านกำลังรังเกียจบ่าวหรือเพคะ?"
เจอหน้ากันครั้งแรกจะรู้สึกแปลกหน้า แต่พอเจอกันครั้งที่สองก็จะเกิดความคุ้นเคย ต่อไปเสี่ยวเหอจะเป็นคนพาเจ้าน่องน้อยมาโรงเรียนทุกวัน องค์หญิงและองค์ชายในห้องเรียนต่างก็เห็นเขาแล้ว
ในเมื่อปรากฏตัวแล้ว เจ้าน่องน้อยก็ไม่ต้องนั่งอยู่ที่รากของต้นหวู่ถงอีกแล้ว เขาเดินไปนั่งที่ธรณีประตูห้องเรียนอย่างเงียบ ๆ
องค์หญิงน้อยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะชี้ไปที่เจ้าน่องน้อย ถามไปที่คนที่ไม่คุ้นหน้า "คนตัวเล็กคนนั้นคือใครกัน?"
องค์ชายที่โตขึ้นมาหน่อยหัวเราะและกล่าว "ไม่ได้เป็นพี่น้องกับพวกเรา นอกจากลูกชายขององค์หญิงแล้วจะเป็นใครไปได้อีก ฟังจากแม่ของข้าพูด เขาเป็นไอ้ลูกหมาไม่มีพ่อ แม่ของเขาก็เป็นคนสติไม่ดี ไม่มีพ่อคอยสั่งสอนก็มักเป็นแบบนี้แหละ แอบมาฟังคนอื่นเรียนหนังสือ เขาเป็นบ้า รีบมาทุบตีไล่เขาออกไป"
ไม่พูดเปล่าบรรดาองค์หญิงองค์ชายน้องต่างก็โยนหนังสือมาใส่เจ้าน่องน้อย ซูเจ๋อรีบมาปิดประตูของห้องเรียนไว้ หนังสือเหล่านั้นจึงโยนมาโดนแค่บานประตูเท่านั้น
เจ้าน่องน้อยยกศีรษะขึ้น และมองไปที่ซูเจ๋อระหว่างช่องทะลุที่ประตู ซูเจ๋อพูดกับเขาด้วยเสียงเรียบท่ามกลางความอลหม่านโกลาหล "กลับไป"
เรื่องนี้สุดท้ายก็ไปถึงหูขององค์จักรพรรดิ
องค์จักรพรรดิเมินเฉยต่อเรื่องที่องค์หญิงและองค์ชายน้อยทั้งหลายโยนหนังสือใส่และพูดจาดูถูกดูแคลนเจ้าน่องน้อย จากนั้นก็แปลกใจที่เด็กอายุแค่หนึ่งขวบกว่า ๆ ซึ่งยังไม่เปิดใจสามารถเข้าใจ จะเข้าใจบทเรียนในโรงเรียนไท่ได้อย่างนั้นหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...