เฉินเสียนกุมขมับและกล่าวว่า “นั่นหมายถึงอนาคต อย่าเพิ่งเรียกตอนนี้ ไม่เช่นนั้นถ้าหากมีใครมาได้ยินเขา คนจะมาจับเขาไปเป็นพ่อของคนอื่นเสียก่อน เจ้าเชื่อหรือไม่”
เฉินเสียนคิดว่าเพราะเธอยังไม่เคยสอนเขา เขาจึงไม่รู้เรื่องนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่คิดว่าเจ้าน่องน้อยจะยังจำคำพูดที่เธอพูดออกไปอย่างไม่คิดในวันนั้นได้
โลกภายในใจของเจ้าน่องน้อยช่างหลากหลายและละเอียดอ่อน บางครั้งเขาไม่แสดงออก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้และไม่เข้าใจ
เจ้าน่องน้อยมองเฉินเสียนอย่างกังวลราวกับกลัวว่าซูเจ๋อจะถูกจับไปเป็นพ่อของคนอื่น เขาบอกว่า “ได้ ข้าจะไม่เรียก”
หลังจากนั้นเฉินเสียนจึงถามอย่างอ่อนโยนว่า “ทำไมเจ้าจึงชอบเขามากขนาดนี้”
เจ้าน่องตอบอย่างเรียบง่ายด้วยแววตาที่งัวเงียว่า “เขาดี”
เจ้าน่องน้อยผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของเฉินเสียน เฉินเสียนกอดเจ้าน่องน้อยไว้พลางหันไปมองหิมะที่ตกอยู่นอกหน้าต่างอย่างใจลอย
เธอขบคิดถึงคำตอบของเจ้าน่องน้อยอยู่นาน... เขาดี เธออดไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับเขา แม้แต่เด็กยังรู้ว่าเขาดี แล้วเธอจะไม่รู้ได้อย่างไร
ไม่รู้ว่าซูเจ๋อกลับเรือนไปหรือยัง เขาจะตากหิมะอยู่หรือเปล่า?
ตอนที่เพิ่งออกมาจากโรงเรียนไท่ เฉินเสียนอยากจะทิ้งร่มไว้ให้เขา เพราะถึงอย่างไรพระตำหนักไท่เหอก็อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนไท่ พวกเธอสองแม่ลูกวิ่งเพียงแค่ครู่เดียวก็ถึง
แต่ที่นี่อยู่ห่างจากนอกพระราชวังมาก
ทว่าอย่างไรก็ตาม เฉินเสียนยังกลัวว่าจะมีใครมาเห็นว่าเธอกับเขาใช่ร่มคันเดียวกัน ดังนั้นเธอจึงต้องล้มเลิกความคิดที่จะทิ้งร่มไว้ให้เขา
เมื่อซูเจ๋อกลับไปถึงเรือน เสื้อผ้าและผมเผ้าของเขาคงจะเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน
เฉินเสียนคิดว่าพ่อบ้านในเรือนของเขาคงจะเตือนให้เขาเปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าที่แห้ง
เขาไม่ชอบผิงไฟให้อุ่น และภายในห้องก็ไม่มีเตาผิง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเหงา หิมะตกหนักเช่นนี้ เขาจะหนาวหรือไม่นะ?
ตอนที่อยู่ที่โรงเรียนไท่ เฉินเสียนมีเรื่องเกี่ยวกับเจ้าน่องน้อยที่อยากจะถามเขา แต่เมื่อคิดดูอีกที ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ควรถามเขาเกี่ยวกับความเป็นมาของเจ้าน่องน้อยในพระราชวังที่อันตรายแห่งนี้
เพราะหากมีใครมาได้ยินคำพูดเหล่านั้นเข้า พวกเขาทั้งสามคนจะตกอยู่ในหายนะที่ร้ายแรงมาก
ดังนั้นเฉินเสียนจึงได้แต่อดทน เธอจำเป็นต้องรอจนถึงเวลาที่เหมาะสมจึงจะถามได้
ก่อนที่เธอจะได้ยินคำตอบจากปากของซูเจ๋อ เธอจะบุ่มบ่ามฟันธงไม่ได้ ถึงแม้การคาดเดาภายในใจจะเป็นเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก แต่เธอก็ต้องระงับมันไว้ให้ได้ เธอเองก็อยากรู้ว่าซูเจ๋อจะว่าอย่างไร
หลังจากนั้นเจ้าน่องน้อยก็ไม่ได้ไปที่โรงเรียนไท่อีกเลย เขาอยู่เฉยๆ ที่พระตำหนักไท่เหออย่างเชื่อฟัง โดยที่ทุกวันเฉินเสียนจะสอนให้เขาท่องจำคำศัพท์วันละสองสามตัว
เมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เฉินเสียนจะวางกระดาษแผ่เอาไว้และสอนเจ้าน่องน้อยให้เขียนชื่อของตัวเองทีละขีดๆ
เจ้าน่องน้อยรู้ว่าตนเองชื่อซูเซี่ยน
เพียงแต่หลังจากเขียนคำนั้น หมึกยังไม่ทันแห้งก็ถูกเฉินเสียนใช้หมึกทาทับ หรือไม่ก็ฉีกจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เจ้าน่องน้อยเองก็เหมือนจะรู้ว่าเขายังเปิดเผยชื่อของตนเองต่อธารกำนัลไม่ได้ จึงได้แต่คุยกันตอนอยู่กันลำพังเพียงเขากับแม่ของเขา
ทางด้านพระสนมฉี อาการบาดเจ็บขององค์ชายห้าดีขึ้นมากแล้ว แต่ความกล้าหาญของเขากลับถูกขู่ขวัญจนหายไปโดยสมบูรณ์ ซึ่งมันทำให้พระสนมฉีรู้สึกกริ้วเป็นอย่างมาก
นับแต่นี้องค์ชายห้าจะไม่มีท่าทีหยิ่งยโสอีกต่อไปไม่ว่าจะพบใคร เมื่อออกไปจากห้องนอนเขาจะมองไปรอบๆ และกลัวจนหัวหด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...